คาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน

ผมเขียนบทความถึง ปาโรลิน แต่อันนี้ ไม่ได้โพสต์ เพราะกลัวชี้นำ Papabile

คาร์ดินัล ปิเอโตร ปาโรลิน

ข้อได้เปรียบสำคัญของคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน ในฐานะผู้มีโอกาสได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา คือประสบการณ์ทางการทูตอันลึกซึ้งและยาวนาน

ในช่วงเวลาที่โลกเผชิญความไม่แน่นอน วิกฤตเศรษฐกิจ และความขัดแย้งระหว่างประเทศ คาร์ดินัลในกรุงโรมกำลังรวมตัวกันเพื่อเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ หลายฝ่ายมองว่าศาสนจักรอาจมอบเรือของนักบุญเปโตรให้กับนักการทูตมืออาชีพที่พร้อมนำพาฝูงแกะผ่านพายุที่กำลังจะมา

ภาพนี้คล้ายกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปาเมื่อเดือนมีนาคม 1939 ที่คณะคาร์ดินัลเลือกคาร์ดินัลยูเจนิโอ ปาเชลลี (Eugenio Pacelli) อดีตเลขาธิการแห่งรัฐและทูตวาติกันประจำเยอรมนีในยุคที่ลัทธินาซีเรืองอำนาจ ปาเชลลีได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 และนำศาสนจักรผ่านสงครามโลกครั้งที่สอง

หลายฝ่ายเชื่อว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยใน Conclave ครั้งนี้ เพราะโลกกำลังเปลี่ยนผ่านยุคสำคัญ และคนที่เหมาะสมอาจเป็นนักการทูตที่เปี่ยมประสบการณ์และวัฒนธรรมอย่างปาโรลิน วัย 70 ปี ชาวอิตาเลียน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการแห่งรัฐวาติกัน

ชีวิตและเส้นทางสู่ศาสนจักร

ปาโรลินเกิดปี 1955 ที่เมืองสเคียวอน ทางตอนเหนือของอิตาลี ใกล้พรมแดนสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย เป็นบุตรของเจ้าของร้านฮาร์ดแวร์และครูประถม พ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่เขาอายุ 10 ขวบ ทำให้แม่ต้องเลี้ยงดูเขาและพี่น้อง

เขาเข้าสู่สามเณราลัยตั้งแต่อายุ 14 ปี และได้รับศีลบวชเป็นสงฆ์เมื่ออายุ 25 ปี ต่อมาเข้าเรียนที่ Pontifical Ecclesiastical Academy ในโรม สถาบันฝึกอบรมนักการทูตวาติกัน

ในช่วงทศวรรษ 1980-1990 ปาโรลินรับราชการในสถานทูตวาติกันที่ไนจีเรียและเม็กซิโก มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลเม็กซิโก หลังจากที่ถูกตัดขาดนานกว่า 130 ปี

ปี 1992 กลับโรมและเริ่มงานในสำนักเลขาธิการแห่งรัฐ ดูแลความสัมพันธ์กับรัฐบาลต่างประเทศ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นอันเดอร์เซเครทารีดูแลความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ (2002) มีบทบาทสำคัญในการเจรจากับเวียดนามและจีน

ปี 2009-2013 ดำรงตำแหน่งอัครสมณทูตประจำเวเนซุเอลา ในยุคการเมืองปั่นป่วนของฮูโก้ ชาเวซ โดยใช้แนวทาง “ความเป็นกลางเชิงบวก” (positive neutrality) ไม่เข้าข้างฝ่ายใดแต่ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

บทบาทในยุคโป๊ปฟรานซิส

สิงหาคม 2013 โป๊ปฟรานซิสแต่งตั้งปาโรลินเป็นเลขาธิการแห่งรัฐวาติกัน และได้รับแต่งตั้งเป็นคาร์ดินัลในปี 2014 กลายเป็นผู้ช่วยหลักของโป๊ปฟรานซิสตลอด 12 ปีที่ผ่านมา

หนึ่งในผลงานสำคัญคือข้อตกลงวาติกัน-จีนว่าด้วยการแต่งตั้งบิชอป (2018) ซึ่งยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในศาสนจักร บางฝ่ายมองว่าเป็นการสมานรอยร้าวในหมู่คาทอลิกจีน แต่ฝ่ายวิจารณ์มองว่าเป็นการยอมอ่อนข้อให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมากเกินไป

ปาโรลินยังมีบทบาทสำคัญในการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-คิวบา และการเจรจากับเวียดนาม

จุดแข็งและจุดอ่อน

จุดแข็ง:
นักการทูตมืออาชีพ มีประสบการณ์สูงทั้งในยุโรป เอเชีย ลาตินอเมริกา
บุคลิกสุขุม เยือกเย็น สร้างสมดุลในศาสนจักร
เข้าใจโครงสร้างวาติกันและกลุ่มต่าง ๆ ในศาสนจักรอย่างลึกซึ้ง
มีภาพลักษณ์เป็น “ตัวเลือกปลอดภัย” สำหรับคาร์ดินัลส่วนใหญ่

จุดอ่อน:
มีข้อกังขาเกี่ยวกับบทบาทของเขาในคดีอสังหาริมทรัพย์ลอนดอนที่วาติกันขาดทุนกว่า 400 ล้านดอลลาร์
การเป็นเลขาธิการแห่งรัฐมานานอาจทำให้มี “ศัตรู” ในหมู่คาร์ดินัลที่เคยขัดแย้งกัน
บางฝ่ายมองว่าเขาไม่ใช่นักต่อสู้เชิงหลักการแบบตรงไปตรงมา แต่เป็นนักประนีประนอม
การเป็น “คนในระบบ” อาจทำให้ขาดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

ข้อสังเกต:
ปาโรลินเป็น “ตัวเต็ง” ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เขาไม่ได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2 ใน 3 ใน Conclave
หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เลขาธิการแห่งรัฐที่ได้เป็นโป๊ปคือปี 1939 (ปาเชลลี-ปิอุสที่ 12) ก่อนหน้านั้นต้องย้อนกลับไปถึงปี 1667