
นักบุญแบร์นาแด๊ตเกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1844 เป็นบุตรสาวคนโตของนายฟรังซัวซูบิรู กับ นางหลุยส์ กาสเตอโร ทั้งสองยากจนมาก อาศัยอยู่ที่ลูร์ด ซึ่งเป็นตำบลเล็ก ๆ ในชนบท แถบภูเขาปิเรนิส ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส
แบร์นาแด๊ตเป็นเด็กหญิงรูปร่างเล็ก สุขภาพไม่ดี อ่านและเขียนหนังสือไม่เป็น รู้คำสอนน้อย เพราะสติปัญญาไม่ดี เมื่อแม่พระประจักษ์มา เธอมีอายุเพียง 14 ปี และเวลานั้นเธอยังไม่ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรก
แม่พระได้ประจักษ์มาให้แบร์นาแด๊ตเห็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1858 (พ.ศ.2401) ที่ถ้ำมัสซาเบียล ขณะที่แบร์นาแด๊ตกำลังจะไปเก็บฟืนพร้อมกับเพื่อนและน้องสาว แต่ทั้งเพื่อนและน้องสาวไม่ได้เห็นการประจักษ์ แบร์นาแด๊ตได้บันทึกไว้ว่า
“สตรีผู้นั้นสง่างามมาก อายุประมาณ 16-17 ปี แต่งกายด้วยชุดสีขาวยาวกรอมเท้า มีผ้าขาวยาวคลุมศีรษะห้อยลงมาทางด้านหลังจนถึงเอว มีผ้าคาดเอวสีน้ำเงิน ไม่สวมรองเท้า บนเท้าแต่ละข้างมีดอกกุหลาบสีเหลือง เธอถือสายประคำเม็ดสีขาว สายเหลืองเหมือนดอกกุหลาบ”
ครั้งแรกที่เห็นแม่พระ แบร์นาแด๊ตตกใจ ขยี้ตาและมองอีกครั้ง เห็นว่าหญิงงามนั้นยิ้มให้เธอด้วย จึงแต่ใจว่าตนเองเป็นปกติ เธอคุกเข่าลงสวดสายประคำ หญิงงามนั้นขยับนิ้วมือไปตามเม็ดประคำ โดยไม่ได้สวดออกเสียงยกเว้นบทสิริพึงมี เมื่อสวดเสร็จสตรีงามนั้นก็จากไป
แม่พระได้ประจักษ์มาครั้งที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1858 (พ.ศ.2401) มีคนแนะนำให้แบร์นาแด๊ตนำน้ำเสกไปพรมที่แม่พระ เมื่อเธอพรมแม่พระก็ยิ้ม
การประจักษ์ครั้งที่ 3 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ ครั้งนี้แม่พระพูดกับแบร์นาแด๊ตอย่างอ่อนโยนว่า “เธอจะมาที่นี่ตลอด 2 สัปดาห์ได้ไหม” เมื่อแบร์นาแด๊ตตอบรับแล้ว แม่พระจึงบอกแก่เธอว่า “ฉันไม่สัญญาว่า เธอจะมีความสุขในโลกนี้ แต่ในโลกหน้านั้นแน่นอน”
การประจักษ์ครั้งที่ 4 เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์
การประจักษ์ครั้งที่ 5 เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์
การประจักษ์ครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ในครั้งนี้แม่พระพูดด้วยใบหน้าเศร้าหมองว่า “จงสวดให้คนบาป” ในช่วงแรก ๆ ของการประจักษ์ หลายคนไม่เชื่อและพยายามขัดขวาง แต่มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เชื่อ
การประจักษ์ครั้งที่ 7 เมื่อวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ ไม่มีใครทราบว่าแม่พระพูดอะไรกับแบร์นาแด๊ต
การประจักษ์ครั้งที่ 8 เมื่อวันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ มีคนประมาณ 400-500 คนอยู่ด้วย แบร์นาแด๊ตถ่ายทอดคำพูดของแม่พระให้กับฝูงชนด้วยน้ำตานองหน้าว่า “จงใช้โทษบาป”
การประจักษ์ครั้งที่ 9 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ แม่พระบอกกับแบร์นาแด๊ตว่า “ให้ไปดื่มน้ำและล้างหน้าที่น้ำพุ” เธอเดินไปข้างหน้าเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ ไม่เห็นมีน้ำพุ จึงก้มลงแล้วเอามือเขี่ยดิน สักครู่ก็มีน้ำขุ่น ๆ ซึมออกมา เธอรอสักครูจึงวักน้ำขึ้นมาดื่มและล้างหน้า จากนั้นเธอเด็ดหญ้ามากิน 2-3 ใบ ใบหน้าของเธอมอมแมมไปด้วยโคลน ผู้คนจำนวนมากเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็หมดความเชื่อถือ คิดว่าเธอเสียสติไปแล้ว วันรุ่งขึ้นบริเวณที่แบร์นาแด๊ตเอามือเขี่ยดินนั้น ก็มีน้ำไหลออกมา คนจำนวนมากเชื่อว่า น้ำพุมีแหล่งกำเนิดที่ศักดิ์สิทธิ์ เหตุการณ์นั้นทำให้คนเชื่อแบร์นาแด๊ตมากขึ้น
การประจักษ์ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ แม่พระบอกให้แบร์นาแด๊ตก้มลงจูบดิน เป็นการใช้โทษบาปแทนคนบาป คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ทำตามด้วย
การประจักษ์ครั้งที่ 11 เมื่อวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์
การประจักษ์ครั้งที่ 12 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์
การประจักษ์ครั้งที่ 13 เมื่อวันจันทร์ที่ 1 มีนาคม ชายคนหนึ่งชื่อ หลุยส์ บูเรียต ตาบอดข้างหนึ่งมาเป็นเวลานาน เมื่อได้ยินเรื่องการประจักษ์ จึงนำน้ำจากน้ำพุมาล้างหน้า ตาของเขาก็หายเป็นปกติ นี่เป็นอัศจรรย์ครั้งแรกที่เกิดขึ้น หมอโดชูซึ่งไม่เชื่อเรื่องการประจักษ์ ก็รับรองว่านี่เป็นอัศจรรย์ด้วย
การประจักษ์ครั้งที่ 14 เมื่อวันอังคารที่ 2 มีนาคม แม่พระขอให้แบร์นาแด๊ตบอกกับพระสงฆ์ เจ้าอาวาสให้สร้างวัดที่นี่ และจัดให้มีพิธีแห่งด้วย พระสงฆ์เจ้าอาวาสตอบว่า จะจัดการตามที่หญิงนั้นบอก หากหญิงนั้นบอกชื่อของตัวเอง และทำอัศจรรย์รับรองต่อหน้าคนทั้งปวง ในระหว่างนี้มีผู้คนจำนวนมากมาสวดภาวนาที่นี่ และเกิดอัศจรรย์เพิ่มขึ้น
การประจักษ์ครั้งที่ 15 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม
การประจักษ์ครั้งที่ 16 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสมโภชแม่พระรับสารจากอัครเทวดาคาเบรียล แบร์นาแด๊ตไปที่ถ้ำตั้งแต่เช้าตรู่เธอเห็นแม่พระรออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม หลังจากที่เธอถามแม่พระถึง 3 ครั้งว่า “ท่านเป็นใคร” แม่พระก็พนมมือแหงนหน้ามองฟ้าด้วยท่าทีสำรวม แล้วตอบว่า “ฉันคือผู้ปฏิสนธินิรมล” แบร์นาแด๊ตไม่ทราบว่านี่หมายความว่าอย่างไร เนื่องจากไม่เคยได้ยินใครพูดเกี่ยวกับข้อความนี้ เธอจึงพูดซ้ำไปซ้ำมาตลอดทางที่เดินไปหาคุณพ่อเจ้าอาวาส เพราะกลัวจะลืมเมื่อแบร์นาแด๊ตบอกคุณพ่อเจ้าอาวาสแล้ว ท่านก็ทราบแน่ชัดว่าเป็นแม่พระ เพราะเด็กหญิงชนบทที่ต่ำต้อยอย่างแบร์นาแด๊ตจะแต่งข้อความนี้ขึ้นมาเองไม่ได้ และชื่อของแม่พระนี้ก็เป็นชื่อที่สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 เพิ่งประกาศเป็นข้อความเชื่อเมื่อ 4 ปีก่อนหน้านี้ (ประกาศเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.1854) ข่าวนี้สร้างความยินดีแก่คนทั่วไป เพราะพวกเขาเชื่ออยู่แล้วว่าเป็นแม่พระ การประจักษ์ครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นแพม่พระเองที่มาย้ำความเชื่อของพวกเขา
ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองไม่เชื่อเหตุการณ์นี้พวกเขาตั้งคณะกรรมการแพทย์ เพื่อพิสูจน์ว่าแบร์นาแด๊ตเสียสติหรือเปล่า แต่ผลการตรวจและสอบถามก็พบว่า เธอปกติดีทุกอย่าง
การประจักษ์ครั้งที่ 17 เมื่อวันพุธที่ 7 เมษายน ขณะอยู่ในภวังค์ นิ้วของแบร์นาแด๊ตก็ถูกเปลวไฟจากเทียนที่เธอถืออยู่ลนเป็นครั้งคราว
หลังจากประจักษ์หมอโดชูเข้าไปตรวจนิ้วของเธอ ก็ไม่พบรอยไหม้แต่อย่างใด เหตุการณ์นี้จึงทำให้หมอโดชูกลับใจ หลังจากที่มีความรารถนาและได้เตรียมตัวมานาน แบร์นาแด๊ตก็ได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน มีคนตั้งคำถาม ถามแบร์นาแด๊ตว่า “อย่างไหนทำให้เธอมีความสุขมากกว่ากันระหว่างการรับศีลมหาสนิท กับการได้สนทนากับแม่พระ” เธอตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีเพราะทั้งสองมีความสัมพันธ์กัน และเปรียบเทียบกันไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้คือ ทั้งสองอย่างนี้ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริง”
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองจึงได้สร้างรั้วรอบถ้ำมัสซาเบียล และให้ตำรวจเฝ้ามิให้ใครเข้าใกล้
การประจักษ์ครั้งที่ 18 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม หลังจากที่ได้ร่วมถวายมิซซาระลึกถึงแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล แบร์นาแด๊ตไปที่ถ้ำแต่เข้าไปใกล้ไม่ได้ เพราะมีรั้วกั้น จึงยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ และเธอก็ได้เห็นแม่พระเป็นครั้งสุดท้าย เธอบอกว่า “หม่เคยเห็นแม่พระงามเหมือนคราวนี้เลย” แม้จะมีรั้วกั้นและตำรวจคอยเฝ้า ประชาชนก็ยังคงหลั่งไหลไปที่ถ้ำ มีการสวดภาวนาตลอดเวลา และมีอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้น ต่อมาประชาชนร้องเรียนเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิ์นโปเลียนที่ 3 จักรพรรดิ์จึงสั่งให้รื้อรั่วออก และประกาศให้ทุกคนไปที่ถ้ำได้อย่างเสรี
วันที่ 18 มกราคม ค.ศ.1862 พระสังฆราชประจำท้องถิ่น ประกาศว่า การประจักษ์นี้เป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ และมีพระเป็นเจ้ามาเกี่ยวข้อง
วันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ.1866 แบร์นาแด๊ตอายุ 22 ปี ได้เข้าอาราม SISTER OF CHARITY ที่เนอแวรส์ โดยได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากสังฆราช เพราะเธอสุขภาพไม่ดี เธอได้รับชื่อใหม่ว่า ซิสเตอร์มารี-เบอร์นาร์ด อันเป็นชื่อของเธอขณะได้รับศีลล้างบาป นักบุญเบอร์นาร์ดเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรที่มีความศรัทธาต่อแม่พระมาก เธอปฏิญาณตนตลอดชีวิตเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ.1878 ซึ่งเป็นวันระลึกถึงแม่พระมหาทุกข์ (ปัจจุบัน วันระลึกถึงแม่พระมหาทุกข์ตรงกับวันที่ 15 กันยายน)
วันพุธที่ 16 เมษายน ค.ศ.1879 แบร์นาแด๊ตพูดกับแม่พระเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจว่า “สันตะมารีอา มารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อลูกซึ่งเป็นคนบาปน่าสงสาร” แล้วก็สิ้นใจในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า ขณะที่มีอายุได้ 35 ปี
ปี ค.ศ.1876 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 มอบหมายให้พระคาร์ดินัล GVIBERT เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีอภิเษกมหาวิหาร และพิธีแห่ถวายแด่แม่พระตามที่แม่พระขอ โดยมีพระสังฆราช 35 องค์ พระสงฆ์ 3,000 องค์ และสัตบุรุษประมาณ 100,000 คน ร่วมในพิธี
วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ.1907 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 10 กำหนดให้วันที่ 11 กุมภาพันธ์ เป็นวันระลึกถึงแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ดในปฏิทินพิธีกรรมของพระศาสนจักร
วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.1933 ซึ่งเป็นวันสมโภชแม่พระปฏิสนธินิรมล พระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ประกาศแต่งตั้งแบร์นาแด๊ตเป็นนักบุญ
หลังจากการประจักษ์ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ลูร์ดกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียง ผู้คนจำนวนมากทั้งคริสตชนและไม่ใช่คริสตชนจากทั่วโลก เดินทางมาจาริกแสวงบุญปีละมากกว่า 2 ล้านคน คนเจ็บป่วยจำนวนมากมาสวดภาวนาและอาบน้ำที่นี่ หลายคนหายจากโรคอย่างอัศจรรย์ คนที่ขาดความเชื่อและใจเย็นเฉย ได้กลับใจและมีความเชื่อเข้มแข็งขึ้น
บรรดาคนเจ็บป่วยที่ไปสวดภาวนา และอาบน้ำพุที่ลูร์ดนั้น หลายคนไม่ได้รับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่พวกเขายังมั่นคงในความเชื่อและความศรัทธาของตน กลับบ้านด้วยความวางใจในพระเป็นเจ้าและยอมรับสภาพความเจ็บป่วยได้