สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
General Audience/การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป
ณ หอประชุมใหญ่เปาโลที่หก นครรัฐวาติกัน
เมื่อวันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2024


คำสอน : คุณธรรมและพยศชั่ว (19) ความหวัง
เจริญพรมายังพี่น้องที่รัก อรุณสวัสดิ์
ในการเรียนคำสอนต่อเนื่องครั้งล่าสุด พวกเราได้เริ่มไตร่ตรองพิจารณาเกี่ยวกับคุณธรรมทางเทววิทยาซึ่งมีสามประการด้วยกัน ได้แก่ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก เมื่อครั้งที่แล้วเราได้ไตร่ตรองเรื่องความเชื่อ วันนี้เราจะมาพิจารณาเรื่องความหวัง [หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกได้กล่าวไว้ว่า] “ความหวังเป็นคุณธรรมทางเทววิทยาที่ช่วยให้เราใฝ่หาพระอาณาจักรสวรรค์และชีวิตนิรันดรเป็นความสุขของเรา โดยวางความมั่นใจของเราไว้กับพระสัญญาของพระคริสตเจ้า ไม่วางใจในกำลังของเรา แต่วางใจในความช่วยเหลือจากพระหรรษทานของพระจิตเจ้า” (ข้อ 1817) คำพูดอันนี้ยืนยันกับเราว่า ความหวังเป็นคำตอบสำหรับจิตใจของเรา เวลาที่เกิดคำถามอันสูงสุดในใจเราว่า “ฉันเองจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ อะไรคือวัตถุประสงค์ของการเดินทางนี้ อะไรคือชะตากรรมที่โลกกำลังมุ่งไป”
เราทั้งหลายต่างรู้ว่า หากคำถามเหล่าได้รับคำตอบในเชิงลบ ก็ย่อมทำให้เกิดความเศร้าใจ หากว่าเส้นทางแห่งชีวิตเป็นสิ่งไร้ความหมาย หากว่าจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดเป็นเพียงความว่างเปล่าไม่มีอะไร เราก็ย่อมจะถามตัวเองว่า แล้วเราจะก้าวเดินไปเพื่ออะไร [เมื่อคิดแบบนี้] คนเราย่อมรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีแก่นสาร ขณะที่หลายคนอาจเกิดความรู้สึกต่อต้านในเชิงว่า “ฉันพยายามทำตัวให้มีคุณธรรม มีความรอบคอบ ยุติธรรม กล้าหาญ และรู้ประมาณ ฉันมีความเชื่อด้วย … ถ้าจุดจบเป็นแบบนี้ แล้วการต่อสู้ของฉันจะมีประโยชน์อะไร” หากเราไม่มีความหวัง คุณธรรมอื่น ๆ ก็เสี่ยงที่จะพังทลายกลายเป็นเถ้าถ่าน หากว่าไม่มีวันพรุ่งนี้ที่[เราจะ]เชื่อถือได้ หากว่าไม่มีแสงสว่างที่ขอบฟ้า เราก็ย่อมจะต้องสรุปในท้ายที่สุดว่า คุณธรรมเป็นเพียงความพยายามที่ไร้ประโยชน์ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่สิบหกเคยตรัสไว้ว่า “การเจริญชีวิตในวันนี้ให้ได้อย่างดีนั้น จะเป็นไปได้ต่อเมื่ออนาคตมีความแน่นอนในฐานะความเป็นจริงที่เป็นปฏิฐาน” (สมณสาส์นเวียน Spe salvi, ข้อ 2)
ความหวังของคริสตชนไม่ใช่สิ่งที่มาจากความดีความชอบของเขาเอง เมื่อคริสตชนเชื่อมั่นในอนาคต นั่นย่อมเป็นเพราะว่าพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์ ฟื้นคืนพระชนม์ชีพ และประทานพระจิตของพระองค์ให้แก่เรา “ความรอดได้ถูกมอบเสนอแก่เราทั้งหลายในแง่ที่ว่า เราทั้งหลายต่างได้รับความหวัง เป็นความหวังที่สมควรเชื่อถือ และความหวังนี้เองที่ทำให้เราเผชิญหน้ากับปัจจุบันได้” (สมณสาส์นเวียน Spe salvi, ข้อ 1) ในแง่นี้เองจึงกล่าวได้อีกครั้งหนึ่งว่า ความหวังเป็นคุณธรรมทางเทววิทยา ความหวังไม่ได้เกิดจากตัวเราเอง ไม่ได้เป็นเรื่องยึดติดที่เราต้องการโน้มน้าวให้ตนเองมีความเชื่อมั่น หากแต่เป็นของประทานที่มาจากพระเจ้าโดยตรง
คริสตชนหลายคนอาจมีความสงสัย เพราะว่าเขายังไม่ได้เกิดใหม่ทั้งครบโดยมุ่งสู่ความหวัง นักบุญเปาโลอัครสาวกได้กล่าวกับคริสตชนเช่นนี้ในเรื่องตรรกะแบบใหม่แห่งประสบการณ์แบบคริสตชนว่า “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ ความเชื่อของท่านก็ไร้ความหมายและท่านก็ยังคงอยู่ในบาป เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย ถ้าเรามีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด” (1 คร. 15,17-19) ราวกับว่าท่านกำลังกล่าวว่า หาก[พวกเรา]เชื่อในการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า เราย่อมรู้อย่างแน่นอนว่า ไม่มีความพ่ายแพ้และความตายใดที่เป็นนิรันดร แต่หากว่า[พวกเรา]ไม่เชื่อในการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลวงเปล่าไม่มีแก่นสาร แม้แต่สิ่งที่บรรดาอัครสาวกเทศน์สอนด้วย
บ่อยครั้งที่เรามักจะทำบาปต่อคุณธรรมแห่งความหวังนี้ เช่น เวลาเรานึกย้อนเรื่องร้าย ๆ ในอดีต เวลาที่เรามีความทุกข์โศกเศร้า เวลาที่เราคิดว่าความสุขในอดีตถูกฝังกลบไปแล้ว [ไม่หวนคืนมาอีกแล้ว] เมื่อใดที่เราทั้งหลายรู้สึกท้อแท้ต่อบาปต่าง ๆ โดยหลงลืมไปว่าพระเจ้าทรงพระเมตตาและทรงยิ่งใหญ่กว่าจิตใจของเรา เมื่อนั้น เราก็ย่อมจะทำบาปที่เป็นการขัดต่อความหวัง พี่น้องที่รัก ขอให้เราทั้งหลายอย่าลืมว่า พระเจ้าทรงยกโทษให้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าทรงยกโทษให้เสมอ เราต่างหากที่เหนื่อยหน่ายไม่ยอมขอโทษพระองค์ ขอให้พวกเราอย่าลืมความจริงอันนี้ว่า พระเจ้าทรงยกโทษให้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าทรงยกโทษให้เสมอ หากว่าเราท้อแท้ต่อบาปต่าง ๆ โดยคิดไปว่าฤดูใบไม้ร่วงในใจเราย่อมไม่อาจทำให้ฤดูใบไม้ผลิกลับมีขึ้นมาอีก เมื่อนั้นเองที่เราทำบาปต่อความหวัง [ถ้าเราคิดแบบนี้] ความรักของพระเจ้าก็ย่อมจะไม่เป็นเปลวไฟนิรันดรอีกต่อไป และตัวเราเองก็จะไม่มีความกล้าหาญสำหรับการตัดสินใจบางสิ่งที่เราจะมุ่งมั่นกระทำไปตลอดชีวิต
คุณธรรมแบบคริสตชนข้อนี้เป็นสิ่งที่โลกทุกวันนี้ต้องการมากเหลือเกิน โลกต้องการความหวัง และโลกยังต้องการความอดทนด้วย ความอดทนเป็นคุณธรรมที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับความหวัง คนที่มีความอดทนย่อมเป็นผู้ถักทอสร้างความดี เขาย่อมปรารถนาสันติสุขอย่างไม่ลดละ ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ใจร้อนอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างในทันที แต่คนที่มีความอดทนย่อมรู้จักรอ และถึงแม้ว่าคนจำนวนมากรอบตัวเราจะพ่ายแพ้แก่ความผิดหวัง แต่คนที่มีความหวังเป็นแรงบันดาลใจและมีความอดทน ก็ย่อมจะก้าวผ่านค่ำคืนอันมืดมิดไปได้ ความหวังกับความอดทนเป็นสิ่งที่มาด้วยกัน
ความหวังเป็นคุณธรรมของผู้คนที่มีจิตใจอ่อนเยาว์ ความอ่อนเยาว์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับอายุ เพราะว่าคนชรามากมายก็มีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยแสงสว่าง[แห่งความหวัง] และใช้ชีวิตอย่างมุ่งมั่นพยายามสู่อนาคตเหมือนกัน ให้เรานึกถึงสิเมโอนและอันนาซึ่งเป็นผู้เฒ่าสองคนในพระคัมภีร์ พวกเขาไม่เคยเหนื่อยหน่ายที่จะรอคอย และในวาระสุดท้ายแห่งการเดินทางของเขาบนโลกนี้ พวกเขาก็ได้เห็นว่าตนได้รับพระพรในการได้พบพระเมสสิยาห์ ซึ่งพวกเขารู้ว่าคือองค์พระเยซูเจ้าที่[นักบุญโยเซฟและแม่พระ]ได้พามายังพระวิหาร จะเป็นเรื่องดีแค่ไหนหากว่าเราทุกคนได้เป็นเช่นเดียวกับพวกท่านด้วย หากว่าที่เบื้องปลายเส้นทางจาริกของพวกเรา เมื่อเราได้วางสัมภาระและไม้เท้าลง เราได้รู้สึกว่าจิตใจของพวกเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดีอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ทำให้เราร้องตะโกนออกมาได้เหมือนกันว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์” (ลก. 2,29-32)
พี่น้องที่รัก ขอให้เราทั้งหลายเดินไปข้างหน้าและวอนขอพระหรรษทาน เพื่อที่เราทั้งหลายจะได้มีความหวัง มีความหวังที่มาพร้อมกับความอดทน ขอให้เราทั้งหลายมองไกลไปยังการพบปะที่มีความหมายยิ่งนี้ ขอให้เราพยายามแสวงหาเสมอเพื่อจะได้เห็นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้เราทุกเวลา และเห็นว่าความตายย่อมจะไม่มีทางได้ชัยชนะเลย ขอให้เราทั้งหลายเดินไปข้างหน้า และวอนขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานคุณธรรมอันยิ่งใหญ่แห่งความหวังที่มาพร้อมกับความอดทนให้แก่เราทั้งหลาย ขอขอบใจ
พระดำรัสทักทายพิเศษของสมเด็จพระสันตะปาปา
พ่อขอต้อนรับอย่างอบอุ่นต่อผู้แสวงบุญและผู้มาเยือนที่พูดภาษาอังกฤษซึ่งได้มาหาพ่อในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มจากแคเมอรูน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา ขณะที่เราทั้งหลายกำลังเตรียมสมโภชพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ พ่อขอให้ลูกทุกคน ตลอดจนครอบครัวของลูก ได้รับความปิติยินดีและสันติสุขจากองค์พระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพและเสด็จขึ้นสวรรค์ ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานพรแก่ลูกทุกคน
วันนี้เป็นวันที่พระศาสนจักรเสนอคำอธิษฐานภาวนาแด่แม่พระลูกประคำแห่งปอมเปอี พ่อขอเชิญชวนให้พวกเราวอนขอพระแม่มารีย์ เพื่อที่ท่านจะเสนอวิงวอนกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้พระองค์ประทานสันติภาพแก่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแก่ยูเครนซึ่งเป็นที่รักและขณะนี้ถูกเบียดเบียนสังหาร รวมทั้งปาเลสไตน์ อิสราเอล และเมียนมา พ่อขอมอบถวายบรรดาเยาวชน คนป่วย คนชรา และคนที่เพิ่งแต่งงานที่มาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ให้กับแม่พระ ผู้เป็นมารดาของเราทั้งหลาย ไว้เป็นพิเศษด้วย และพ่อขอเตือนใจทุกคนว่า จงให้ความสำคัญกับการสวดสายประคำในเดือนพฤษภาคม[ซึ่งเป็นเดือนแม่พระ]
พ่อขออวยพรลูกทุกคน
ใจความสรุปพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา
พี่น้องที่รัก ในการเรียนคำสอนต่อเนื่องเรื่องคุณธรรมทางเทววิทยาประการต่าง ๆ บัดนี้เราจะพิจารณาเรื่องความหวัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราปรารถนาความสุขแห่งชีวิตนิรันดร หากว่าไม่มีความหวัง ชีวิตที่สอดคล้องกับคุณธรรมก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ความหวังแบบคริสตชนมีรากฐานอยู่ใน[พระเยซูเจ้า] ผู้ที่ได้สิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ชีพเพื่อเราทั้งหลาย ในฐานะที่พวกเราเป็นศิษย์ของพระองค์ เราทั้งหลายย่อมมีความเชื่อมั่นในพระสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง [พระสัญญาเรื่อง]ของประทานแห่งพระจิตเจ้า และเราทั้งหลายย่อมพยายามที่จะมีชีวิตในแต่ละวันอย่างสมควรกับกระแสเรียก[ที่เราได้รับ] ความหวังเป็นสิ่งที่มาคู่กับความอดทน สองสิ่งนี้ทำให้เราสามารถก้าวเดินไปในเส้นทางข้างหน้าได้อย่างมั่นคง เมื่อเราก้าวเดินในหนทางแห่งชีวิตโดยมีสองสิ่งนี้อยู่ด้วย เราย่อมจะไม่ลืมว่า พระเจ้าทรงพระเมตตาและทรงมีความรักมั่นคง สิ่งนี้จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงไม่ถูกกักขังจากความทรงจำเรื่องร้ายในอดีต ความทุกข์ระทม หรือความหมดกำลังใจ ขอให้เราทั้งหลายได้มีจิตใจที่อ่อนเยาว์ และมุ่งมั่นเพียรทนภายในความหวังได้เช่นเดียวกับสิเมโอนและอันนา
(วิษณุ ธัญญอนันต์ และ วรินทร เติมอริยบุตร
เก็บการสอนคำสอน General Audience ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันเพื่อการไตร่ตรอง)