การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป (General Audience) เมื่อวันพุธที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 2023


คำสอน : ความกระตือรือร้นในการประกาศพระวรสาร: ความร้อนรนของผู้เชื่อในการประกาศข่าวดี (14) ประจักษ์พยานแห่งพระวรสาร – นักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน

เจริญพรมายังลูก ๆ และพี่น้องที่รัก อรุณสวัสดิ์

            ในการเรียนคำสอนต่อเนื่อง เรากำลังเรียนรู้จากนักบุญบางท่าน ซึ่งเป็นแบบอย่างในการเป็นพยาน และสอนให้เรารู้เรื่องความร้อนรนในการประกาศข่าวดี พ่อขอย้ำเตือนความจำว่าหัวข้อเรียนคำสอนตอนนี้คือเรื่องความร้อนรนในการประกาศข่าวดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องมีเพื่อที่จะประกาศพระวรสาร

            วันนี้เราจะพบกับนักบุญท่านหนึ่งที่เป็นแบบอย่างอันยิ่งใหญ่เรื่องความกระตือรือร้นในการประกาศพระวรสาร ให้เราพิจารณาเรื่องนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน พระสงฆ์ชาวเกาหลีท่านแรกและมรณสักขี ท่านมาจากเกาหลีซึ่งเป็นดินแดนห่างไกล [จากยุโรป] ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวเกาหลีท่านแรก แต่ลูกรู้ไหมว่างานประกาศพระวรสารในเกาหลีเคยเป็นงานของฆราวาส และผู้ที่ได้ทำงานถ่ายทอดความเชื่อในเกาหลียุคนั้นคือบรรดาฆราวาสที่รับศีลล้างบาปแล้ว เพราะว่าในตอนแรกไม่มีพระสงฆ์เลย พระสงฆ์เพิ่งจะมีมาทีหลัง เท่ากับว่าการประกาศพระวรสารครั้งแรก[ในเกาหลี]เป็นฝีมือของฆราวาส ให้เราลองคิดดูว่า เราสามารถทำอะไรแบบนั้นได้ไหม พ่อคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจทีเดียว นักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน เป็นหนึ่งในพระสงฆ์ชุดแรก ๆ ที่เกาหลี ชีวิตของท่านยังคงเป็นเครื่องยืนยันที่เปี่ยมไปด้วยวาทศิลป์ให้เราได้เห็นถึงความร้อนรนในการประกาศพระวรสาร

            เมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว มีการเบียดเบียนที่โหดร้ายอย่างยิ่งในเกาหลี คริสตชนถูกเบียดเบียนและกวาดล้าง ในเกาหลีสมัยนั้น หากใครเชื่อในพระเยซูคริสต์ ก็หมายความว่าเขาพร้อมที่จะเป็นพยานต่อความเชื่อจนตัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราดูชีวิตของนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน เราก็จะสามารถยกแง่มุมที่เป็นรูปธรรมจากชีวิตของท่านมาได้สองอย่างด้วยกัน

            อย่างแรก คือวิธีการที่ท่านพบกับสัตบุรุษ สถานการณ์ที่อันตรายอย่างยิ่งบีบบังคับให้ท่าน[ซึ่งเป็นพระสงฆ์] ต้องไปหาสัตบุรุษอย่างลับ ๆ แต่ท่านต้องทำเช่นนี้เวลาที่มีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย ท่านและสัตบุรุษต้องทำเหมือนพูดคุยกันไปพักหนึ่ง และพอคุยไปได้พอสมควร ท่านก็จะใช้วิธีการเพื่อตรวจสอบว่าผู้ที่ท่านคุยด้วยนั้นเป็นคริสตชนหรือไม่ กล่าวคือ มีการใช้รหัสลับที่ตกลงกันก่อนหน้านั้น คนที่ท่านไปพบจะมีสัญลักษณ์บางอย่างในมือหรือบนเสื้อผ้าตามที่ได้ตกลงกันไว้ หลังจากนั้นท่านก็จะถามคำถามเบา ๆ ไม่ให้ผู้อื่นได้ยินว่า “เจ้าเป็นศิษย์พระเยซูคริสต์หรือไม่” ท่านต้องพูดเบา ๆ และพูดได้เพียงไม่กี่คำ เพราะว่ามีคนอื่นเห็นการสนทนาด้วย ท่านพูดได้เพียงไม่กี่คำ ดังนั้นคำพูดไม่กี่คำที่ท่านพูดจะต้องเป็นสิ่งที่เป็นสาระสำคัญสูงสุด และสำหรับท่านนักบุญ สิ่งสำคัญที่สุดที่สรุปอัตลักษณ์ทั้งหมดของคริสตชน คือคำว่า “ศิษย์พระคริสต์” “เจ้าเป็นศิษย์พระคริสต์หรือไม่” ท่านพูดแบบนี้ แต่ต้องพูดด้วยเสียงเบา ๆ เพราะยุคนั้นเป็นยุคอันตราย การเป็นคริสตชนเป็นเรื่องต้องห้าม

            แน่นอนว่าการเป็นศิษย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า หมายถึงการติดตามพระองค์ ก้าวเดินบนหนทางของพระองค์ และโดยธรรมชาติแล้ว คริสตชนย่อมเป็นผู้ที่ประกาศและเป็นพยานแก่พระเยซูคริสต์ ประชาคมคริสตชนทุกแห่งได้รับอัตลักษณ์เช่นนี้มาจากพระจิตเจ้า พระศาสนจักรโดยรวมก็ได้รับอัตลักษณ์เช่นนี้มาจากพระจิตเจ้าเช่นกัน นับตั้งแต่วันเปนเตกอสเต (เทียบ สมณกฤษฎีกา Ad Gentes ว่าด้วยงานธรรมทูตแห่งพระศาสนจักร ข้อ 2) พระจิตเจ้านี้เองที่ได้ประทานความกระตือรือต้นให้แก่เรา คือความกระตือรือร้นในการประกาศพระวรสาร ซึ่งเป็นความร้อนรนในการประกาศ นี่เป็นของขวัญจากพระจิตเจ้า และถึงแม้ว่าสถานการณ์รอบข้างจะไม่อำนวย เหมือนกับในกรณีของเกาหลีในยุคของท่านนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน แต่ความกระตือรือร้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ในทางตรงข้าม ความกระตือรือร้นเช่นนี้ยิ่งกลายเป็นของมีค่า นักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน และสัตบุรุษชาวเกาหลีคนอื่น ๆ ได้แสดงให้เห็นว่าการเป็นพยานแก่พระวรสารในช่วงเวลาของการเบียดเบียน อาจทำให้เกิดผลอันอุดมให้แก่พระศาสนาของเราได้

            ต่อไปให้เราพิจารณาแบบอย่างที่เป็นรูปธรรมข้อที่สอง ในช่วงที่ท่านนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน ยังเป็นเณรอยู่ ท่านจำเป็นต้องหาวิธีให้มิชชันนารีจากต่างประเทศเข้ามาได้อย่างลับ ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าทางการเกาหลีสมัยนั้นห้ามเด็ดขาดไม่ให้คนต่างประเทศเข้ามาในเกาหลี นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้การค้นพบพระสงฆ์ที่จะเข้ามาเป็นธรรมทูตในเกาหลีแทบจะเป็นไปไม่ได้ และก็ทำให้ก่อนหน้านั้นฆราวาสต้องรับหน้าที่แพร่ธรรมในเกาหลี

            ขอให้ลูกใคร่ครวญถึงสิ่งที่นักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน ได้กระทำ ในวันหนึ่ง ขณะที่ท่านเดินอยู่กลางหิมะโดยไม่ได้กินอะไรเลยเป็นเวลานาน นานจนท่านต้องล้มลงเพราะหมดแรง เสี่ยงที่จะหมดสติและแข็งตายกลางหิมะ จู่ ๆ ท่านก็ได้ยินเสียงหนึ่งบอกท่านว่า “จงลุกขึ้นและเดินต่อไป” พอท่านได้ยินแบบนี้ ท่านก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง และมองเห็นแวบหนึ่งว่ามีสิ่งที่ดูเหมือนเงาของใครบางคนกำลังนำทางท่านไป

            ประสบการณ์นี้ของท่านนักบุญซึ่งเป็นพยานยิ่งใหญ่จากเกาหลี ได้สอนให้เราเข้าใจแง่มุมที่สำคัญของความร้อนรนในการประกาศข่าวดี กล่าวคือ ความกล้าหาญในการลุกขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ล้มลง ลูกอาจสงสัยว่า นักบุญเขาล้มลงกันเป็นด้วยหรือ แน่นอนลูก เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มแล้ว ลูกลองคิดถึงนักบุญเปโตร ท่านได้ทำบาปใหญ่หลวง[ในการทอดทิ้งและปฏิเสธพระเยซูคริสต์เจ้า] แต่ท่านได้ค้นพบความแข็งแกร่งจากพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าที่ทำให้ท่านได้ลุกขึ้นมาใหม่ และเมื่อลูกพิจารณาแบบอย่างของท่านนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน ลูกก็จะเห็นว่าท่านล้มลงในทางร่างกาย แต่ท่านมีความแข็งแกร่งที่จะเดินทางต่อไป นำพาข่าวดีก้าวไปข้างหน้า

            ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากเพียงใด แม้แต่ในเวลาที่อาจดูเหมือนว่าไม่มีที่ว่างสำหรับพระวรสาร แต่เราจะต้องไม่ยอมแพ้และละทิ้งความพยายามในสิ่งที่เป็นแก่นสารสำคัญสำหรับชีวิตคริสตชนของเรา กล่าวคือ การประกาศพระวรสาร นี่คือหนทาง แต่ลูกอาจคิดว่า “แล้วฉันจะประกาศพระวรสารได้อย่างไร” ให้ลูกดูแบบอย่างของบุคคลสำคัญ และลองใคร่ครวญถึงบริบทเล็ก ๆ ของเรา  ให้เราถามตัวเองว่า ภายในบริบทเล็ก ๆ ของเรานี้ เราได้ประกาศพระวรสารให้แก่คนในครอบครัว ให้แก่เพื่อนฝูงบ้างไหม หรือได้พูดคุยเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์เจ้าบ้างไหม แต่การประกาศพระวรสารและการพูดคุยเรื่องพระเยซูคริสต์เจ้า ลูกต้องทำด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความปิติยินดีและความแข็งแกร่ง ซึ่งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่พระจิตเจ้าประทานให้เรา ดังนั้น ให้เราเตรียมตัวรับพระจิตเจ้าในวันเปนเตกอสเตที่จะมาถึงนี้ และให้เราวอนขอพระหรรษทานจากพระจิตเจ้า ให้เราได้รับพระหรรษทานคือความกล้าหาญในการประกาศข่าวดี การประกาศพระวรสาร และการเดินหน้านำพาข่าวดีของพระเยซูคริสต์เจ้าในทุกเมื่อ


พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระดำรัสทักทายพิเศษ

            วันนี้เป็นวันอธิษฐานภาวนาทั่วโลกเพื่อพระศาสนจักรคาทอลิกในจีน ซึ่งตรงกับวันฉลองแม่พระผู้เป็นองค์ความช่วยเหลือของคริสตชน ที่เป็นที่เคารพและวอนขอที่สักการสถานแม่พระแห่งเสอซานในเซี่ยงไฮ้ ในโอกาสนี้ พ่ออยากให้ทุกคนมั่นใจว่าพ่อจะระลึกถึงและส่งใจไปให้แก่พี่น้องในจีน และจะแบ่งปันความปิติยินดีและความหวังของพวกเขา พ่อคิดถึงเป็นพิเศษต่อผู้ที่กำลังทุกข์ยาก ทั้งที่เป็นผู้อภิบาลและสัตบุรุษ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้รับความบรรเทาใจและกำลังใจ ภายในความสนิทสัมพันธ์และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพระศาสนจักรสากล พ่อขอเชิญชวนให้ลูกทุกคนวิงวอนต่อพระเป็นเจ้า เพื่อที่ว่าข่าวดีของพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงไม้กางเขนและทรงกลับคืนชีพ จะได้รับการประกาศทั้งครบ ให้ผู้คนได้รู้ถึงความงามและเสรีภาพที่มาจากข่าวดีนี้ และทำให้เกิดผลสำเร็จเพื่อประโยชน์ดีงามแก่พระศาสนจักรคาทอลิก และแก่สังคมของจีนทั้งมวล

            พ่อขอต้อนรับผู้แสวงบุญและผู้มาเยือนที่พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งได้มาหาพ่อในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มจากอังกฤษ สกอตแลนด์ อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลี ไต้หวัน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ในความปิติยินดีแห่งพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ พ่ออวยพรให้ลูกและครอบครัวของลูกได้รับพระเมตตาที่เปี่ยมด้วยความรักจากพระเจ้า พระบิดาของเราทั้งหลาย ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าอวยพรลูกทุกคน

            ท้ายสุดนี้เหมือนเช่นเคย พ่อคิดถึงเยาวชน คนป่วย คนชรา และผู้ที่เพิ่งแต่งงาน วันนี้เป็นวันฉลองแม่พระในนาม “องค์ความช่วยเหลือของคริสตชน” ขอให้พระนางมารีย์จงช่วยเหลือลูกทั้งหลาย ให้ลูกที่เป็นเยาวชนมีพลังที่จะใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์ต่อพระคริสตเจ้าในทุก ๆ วัน ให้ลูกที่เป็นคนชราและคนป่วยได้รับความปลอบโยนและความสงบทางจิตใจ และให้ลูกที่เพิ่งแต่งงานใหม่ได้รับกำลังใจในการนำพระบัญญัติแห่งความรักไปใช้ในชีวิตประจำวัน และด้วยความที่การฉลองแม่พระในนาม “องค์ความช่วยเหลือของคริสตชน” เป็นการแสดงความศรัทธาต่อแม่พระในแบบที่สำคัญยิ่งสำหรับท่านนักบุญดอนบอสโก พ่อขอทักทายและมอบความคิดถึงเป็นพิเศษแก่ครอบครัวซาเลเซียน และขอขอบคุณต่อทุกสิ่งที่พวกเขาได้ทำเพื่อพระศาสนจักร

            พวกเรายังคงเป็นทุกข์โศกเศร้าต่อยูเครนซึ่งประสบกับความทรมาน มีความทรมานมากมายที่นั่น เราจงอย่าลืมพวกเขา และให้เราภาวนาในวันนี้ต่อพระนางมารีย์ผู้เป็นองค์ความช่วยเหลือของคริสตชน เพื่อที่ว่าแม่พระจะได้ใกล้ชิดกับชาวยูเครน

พ่ออวยพรลูกทุกคน


สรุปการสอนคำสอนของพระสันตะปาปาฟรานซิส

            ลูก ๆ และพี่น้องที่รัก ในการเรียนคำสอนต่อเนื่องเรื่องความร้อนรนในการประกาศข่าวดี วันนี้เราจะดูแบบอย่างของนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน พระสงฆ์ท้องถิ่นท่านแรกของเกาหลีและมรณสักขีเพื่อพระศาสนา ท่านได้ใช้ความกล้าหาญในการไปหาสัตบุรุษที่กระจัดกระจายไป ซึ่งต่างต้องเก็บความเชื่อของตนไว้เป็นความลับ เพราะกลัวว่าจะถูกจับกุม ภายในช่วงเวลานั้นที่มีการเบียดเบียนเกิดขึ้นรุนแรง ตอนที่ท่านยังเป็นเณรอายุน้อย ท่านได้ช่วยเหลือบรรดาพระสงฆ์ธรรมทูตที่มาจากต่างประเทศ ที่ลักลอบเดินทางเข้าเกาหลีเพื่ออภิบาลชาวเกาหลี ท่านนักบุญต้องอดทนลำบากอย่างมากเพื่อพระวรสาร วันหนึ่งที่ท่านต้องเดินทางไกลท่ามกลางหิมะ ท่านได้ล้มลงเพราะหมดแรง และเสี่ยงที่จะต้องตายจากความหนาวเย็น ทันใดนั้นท่านได้ยินเสียงหนึ่งที่บอกว่า “จงลุกขึ้นและเดินต่อไป” ท่านได้รู้ว่าในการที่ท่านเป็นพยานต่อพระวรสาร ท่านไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว และองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีวันทอดทิ้งท่าน ในท้ายที่สุด ความอดทนไม่ลดละในการติดตามพระเยซูคริสต์ และรับใช้เหล่า คริสตชน ได้ทำให้ท่านสิ้นชีวิตเป็นมรณสักขี ขอให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากแบบอย่างของนักบุญอันเดร คิม แท-ก็อน ให้เราพยายามไม่ลดละในการเป็นศิษย์ธรรมทูต นำความปิติยินดีของพระวรสารไปแบ่งปันกับคนอื่น ด้วยความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่เราเสมอ


(วิษณุ ธัญญอนันต์ และวรินทร เติมอริยบุตร เก็บการสอนคำสอนของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและเพื่อไตร่ตรอง)