พิธีบูชาขอบพระคุณ สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า
วันสันติภาพโลก ครั้งที่ 58
บทเทศน์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน
เมื่อวันพุธที่ 1 มกราคม 2025
ในโอกาสเริ่มต้นปีใหม่นี้ที่พระเจ้าโปรดประทานให้เราทั้งหลาย ย่อมเป็นการดีถ้าเราจะยกสายตาและจิตใจขึ้นไปหาพระแม่มารีย์ เพราะว่าแม่พระย่อมชี้ทางให้เราทั้งหลายไปหาพระเยซูเจ้า แม่พระย่อมพาเราทั้งหลายกลับไปหาบุตรของท่าน แม่พระย่อมกล่าวถึงพระเยซูเจ้ากับเราทั้งหลาย และแม่พระย่อมนำทางเราทั้งหลายไปสู่พระเยซูเจ้า การสมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เป็นโอกาสให้เราทั้งหลายมาจดจ่อกับพระธรรมล้ำลึกแห่งคริสตสมภพกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าในครรภ์ของพระนางมารีย์นี้เองที่พระเจ้าได้ทรงมาเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งในท่ามกลางเรา และขณะที่เราทั้งหลายได้เปิดประตูศักดิ์สิทธิ์เป็นการเริ่มปีศักดิ์สิทธิ์กันไปแล้ว วันนี้ก็เป็นโอกาสที่เตือนใจเราทั้งหลายว่า “พระนางมารีย์เป็นประตูที่พระคริสตเจ้าเสด็จผ่านเพื่อเข้ามายังโลกนี้” (นักบุญอัมโบรส, จดหมายฉบับที่ 42, ข้อ 4: Patrologia Latina, เล่ม VII)
นักบุญเปาโลอัครสาวก ได้กล่าวสรุปพระธรรมล้ำลึกอันนี้ให้แก่เราทั้งหลายไว้ว่า “พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากสตรีผู้หนึ่ง” (กท. 4,4) ซึ่งคำกล่าวที่ว่า “บังเกิดจากสตรีผู้หนึ่ง” ก็ได้ดังก้องอยู่ในหัวใจของพวกเราในวันนี้ และเตือนใจพวกเราว่า พระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่ของเราทั้งหลาย ทรงรับสภาพมนุษย์ และทรงเผยพระองค์ภายในความอ่อนแอแบบมนุษย์
คำกล่าวที่ว่า “ทรงบังเกิดจากสตรี” ย่อมนำเราทั้งหลายกลับไปสู่คริสตสมภพ เหตุว่าพระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ การที่นักบุญเปาโลกล่าวว่าพระคริสตเจ้าทรงบังเกิดจากสตรีนี้ แทบจะทำให้เราทั้งหลายรู้สึกได้ถึงความจำเป็นที่ท่านจะต้องย้ำเตือนพวกเราว่า พระเจ้าทรงอาศัยครรภ์ของมนุษย์และได้มาเป็นมนุษย์จริง ๆ [เพราะว่าในอีกด้านหนึ่ง] เราอาจถูกยั่วยุด้วยความคิดบางอย่างที่คนสมัยนี้มองว่าน่าสนใจ แต่เป็นสิ่งที่อาจทำให้คริสตชนเข้าใจผิดได้ ความคิดแบบนี้เป็นการจินตนาการหรือสร้างพระเจ้าที่ “เป็นนามธรรม” โดยเอาไปเชื่อมโยงกับความรู้สึกทางศาสนาบางอย่างที่คลุมเครือ หรือกับความรู้สึกแบบมนุษย์บางอย่างที่เลื่อนลอยไม่แน่นอน พระเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะว่า[เราทั้งหลาย]สามารถสัมผัสพระเจ้าได้ พระองค์ทรงเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงบังเกิดจากสตรี พระองค์ทรงมีใบหน้าและมีชื่อ และพระองค์ก็ทรงเรียกเราทั้งหลายให้เข้าไปมีความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ พระองค์ผู้นี้คือพระคริสตเยซู พระผู้ไถ่เราทั้งหลาย พระองค์ทรงบังเกิดจากสตรี ทรงมีเลือดเนื้อ พระองค์เสด็จมาจากภายในพระอุระของของพระเจ้าพระบิดา พระองค์ทรงรับเนื้อหนังแบบมนุษย์ในครรภ์ของพระนางมารีย์พรหมจารี พระองค์เสด็จจากสวรรค์สูงสุดมายังโลกนี้ พระองค์ผู้ทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าได้เสด็จมาเป็นบุตรมนุษย์ พระองค์ผู้ทรงเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ ได้เสด็จมายังท่ามกลางเราทั้งหลายภายในความอ่อนแอ ถึงแม้ว่าพระองค์จะปราศจากตำหนิความบกพร่องทั้งปวง แต่ “เพราะเห็นแก่เรา พระเจ้าจึงทรงทำให้พระองค์ผู้ไม่รู้จักบาปเป็นผู้รับบาป” (2 คร. 5,21) [พระเยซูเจ้า]ทรงบังเกิดจากสตรี ทรงเป็นผู้หนึ่งในท่ามกลางเราทั้งหลาย และด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงสามารถช่วยเราทั้งหลายให้รอดพ้นได้
คำกล่าวที่ว่า “ทรงบังเกิดจากสตรี” ยังบอกกับเราทั้งหลายเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ของพระคริสตเจ้าด้วย คือ ความที่พระองค์ทรงเผยพระองค์ภายในความอ่อนแอของเนื้อหนัง พระองค์ทรงบังเกิดจากสตรี พระองค์เสด็จมาหาเราโดยเป็นทารกตัวน้อย ๆ นี่เป็นเหตุที่ทำให้เมื่อบรรดาคนเลี้ยงแกะเดินทางไปดูสิ่งที่ทูตสวรรค์ประกาศ สิ่งที่พวกเขาได้เห็นจึงไม่ใช่เครื่องหมายบางอย่างเหนือธรรมดา หากแต่เป็น “พระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า” (ลก. 2,16) สิ่งที่พวกเขาได้พบ คือทารกน้อย ๆ พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องให้มารดาคอยดูแล หาเครื่องนุ่งห่ม ป้อนนมเป็นอาหาร พร้อมทั้งมอบความรักและการดูแลเอาใจใส่ นักบุญหลุยส์ มารี กรีญง เดอ มงฟอร์ต ได้กล่าวไว้ว่า [พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็น]ปรีชาญาณของพระเจ้า “ถึงแม้ว่าจะทรงมอบพระองค์แก่มนุษย์ได้โดยตรง แต่พระองค์กลับไม่ทรงปรารถนาที่จะกระทำเช่นนั้น พระองค์ได้ทรงเลือก[ที่จะมอบพระองค์แก่มนุษย์]ผ่านทาง[พระนางมารีย์]พรหมจารีผู้ได้รับพระพร พระเยซูเจ้ามิได้ทรงปรารถนาที่จะเสด็จมาในโลกนี้อย่างมนุษย์เต็มวัยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร หากแต่[พระองค์ได้เสด็จมายังโลกนี้]เป็นเด็กตัวน้อยที่ต้องให้มารดาดูแลเอาใจใส่เลี้ยงดู” (ว่าด้วยความศรัทธาเที่ยงแท้ต่อพระนางพรหมจารีผู้ได้รับพระพร, 139) ชีวิตของพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เราเห็นถึงวิธีการที่พระเจ้าทรงเลือกใช้เพื่อที่จะกระทำกิจการของพระองค์ กล่าวคือ พระองค์ทรงกระทำกิจการผ่านทางความเล็กน้อยและความซ่อนเร้น พระเยซูเจ้าไม่ทรงพ่ายแพ้ให้แก่การยั่วยุที่มุ่งให้พระองค์แสดงเครื่องหมายบางอย่างที่ยิ่งใหญ่และยัดเยียดพระองค์เองแก่ผู้อื่น ปีศาจเคยยั่วยุให้พระองค์ทำเช่นนั้น แต่สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ คือการเผยซึ่งความรักของพระเจ้าภายในความงามแห่งความเป็นมนุษย์ของพระองค์ผู้สถิตอยู่ในท่ามกลางเราทั้งหลาย ภายในการที่พระองค์มีชีวิตประจำวันในแบบเดียวกับพวกเรา ภายในการที่พระองค์ต้องดิ้นรนพยายาม และมีความปรารถนาต่าง ๆ ไม่ต่างจากพวกเรา และในการที่พระองค์ทรงเมตตากรุณาต่อผู้คนที่ทุกข์ยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็นได้ และประทานพละกำลังให้แก่คนที่หมดกำลังใจ พระเจ้าทรงมีลักษณะสามอย่าง คือความเมตตากรุณา ความใกล้ชิด และความเห็นอกเห็นใจ พระเจ้าทรงมาใกล้ชิดกับพวกเรา ทรงเมตตากรุณา และทรงมีความเห็นอกเห็นใจ ขอให้เราอย่าลืมสิ่งนี้ [และอย่าลืมว่า] พระเยซูเจ้าทรงอาศัยความอ่อนแอแห่งสภาพมนุษย์ของพระองค์ ตลอดจนความห่วงใยที่พระองค์มีต่อผู้คนที่อ่อนแอเปราะบาง เป็นหนทางเพื่อแสดงให้เราทั้งหลายได้เห็นพระพักตร์ของพระเจ้า
พี่น้องชายหญิงที่รัก เป็นการดีที่เราจะไตร่ตรองพิจารณาเรื่องที่ว่า พระนางมารีย์ หญิงสาวแห่งนาซาเร็ธ ย่อมนำเราทั้งหลายกลับไปยังพระธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้า ผู้เป็นบุตรของท่านเสมอ [ตัวตนของ]พระนางมารีย์ย่อมเตือนใจเราทั้งหลายว่า พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ และว่าเหนือสิ่งอื่นใด เราทั้งหลายย่อมพบกับพระองค์ได้ภายในชีวิตประจำวัน ภายในความอ่อนแอแบบมนุษย์ และภายในผู้คนที่เราพบเจอในแต่ละวัน เมื่อใดก็ตามเราวิงวอนต่อแม่พระ พระชนนีของพระเจ้า นั่นย่อมเป็นการที่เราทั้งหลายประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงบังเกิดจากพระบิดา และในขณะเดียวกันก็ทรงบังเกิดจากสตรีผู้หนึ่งอย่างแท้จริง และนั่นย่อมเป็นการที่เราทั้งหลายประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นเจ้านายเหนือกาลเวลา แต่พระองค์ก็ได้มาประทับอยู่ด้วยความรักภายในกาลเวลาของพวกเรา รวมทั้งในปีใหม่นี้เช่นกัน นั่นย่อมเป็นการที่เราทั้งหลายประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยโลกนี้ให้รอด แต่ในขณะเดียวกัน เราทั้งหลายก็สามารถพบพระองค์ได้ และยังถูกเรียกให้ไปค้นหาพระองค์ภายในใบหน้าของมนุษย์ทุกคน การที่[พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็น]พระบุตร[ของพระบิดา]ได้มาเป็นทารกตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนของพระมารดา และได้ทรงรับการเลี้ยงดูเอาใจใส่จากพระมารดาของพระองค์นั้น ย่อมหมายความว่า ในทุกวันนี้ พระองค์ก็เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางเราทั้งหลายภายในผู้คนที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ในทำนองเดียวกันนั้นด้วย พระองค์ย่อมประทับอยู่ภายในพี่น้องชายหญิงที่พวกเราพบเจอ และพระองค์ย่อมประทับอยู่ในผู้คนทั้งหลายที่ต้องการให้พวกเราดูแลเอาใจใส่ด้วยน้ำใจที่อ่อนโยน
ขอให้เราทั้งหลายมอบปีใหม่นี้ไว้กับพระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า ขอให้เราทั้งหลายจงเอาอย่างท่าน ด้วยการเรียนรู้ที่จะค้นพบความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าภายในเรื่องเล็กน้อยต่าง ๆ ในชีวิต ขอให้เราเรียนรู้ที่จะดูแลเอาใจใส่เด็ก ๆ ทุกคน และเหนือสิ่งอื่นใด ขอให้เราเอาอย่างพระนางมารีย์ในการเรียนรู้ที่จะปกป้องทุกชีวิตที่เป็นของประทานอันมีค่า ทั้งชีวิตภายในครรภ์มารดา ชีวิตของเด็ก ๆ ชีวิตของคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ชีวิตของคนยากไร้ ชีวิตของคนชรา ชีวิตของผู้คนที่โดดเดี่ยว และชีวิตของคนที่กำลังจะตาย วันนี้เป็นวันสันติภาพโลก เป็นโอกาสที่เชิญชวนให้เราทั้งหลายตอบรับเสียงเรียกที่หลั่งไหลมาจากหฤทัยแบบมารดาของพระนางมารีย์ ที่เรียกให้เราทั้งหลายทะนุถนอมทุกชีวิต ให้เราดูแลทุกชีวิตที่ถูกทำร้าย ซึ่งก็มีอยู่มากมายเหลือเกิน และให้เราคืนศักดิ์ศรีให้แก่ชีวิตของมนุษย์ทุกคนที่ล้วน “บังเกิดจากสตรี” เพราะว่า[ศักดิ์ศรีของมนุษย์]เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างวัฒนธรรมแห่งสันติภาพ ด้วยเหตุนี้ “ข้าพเจ้าจึงขอเรียกร้องให้คนทั้งหลายมีความมุ่งมั่นจริงจังที่จะเคารพศักดิ์ศรีของชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่ขณะปฏิสนธิเรื่อยไปจนถึงการตายตามธรรมชาติ เพื่อที่บุคคลแต่ละคนจะได้ให้ความสำคัญต่อชีวิตของคน และเพื่อที่ผู้คนทั้งหลายจะสามารถมองยังอนาคตได้ด้วยความหวัง” (สารของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เนื่องในวันสันติภาพโลกครั้งที่ 58, 1 มกราคม 2025)
พระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า ผู้เป็นมารดาของเราทั้งหลายด้วย ย่อมรอคอยเราทั้งหลายอยู่ที่นั่น ที่ในถ้ำพระกุมาร ท่านกำลังชี้ให้เราทั้งหลายเห็นถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า อย่างที่ท่านได้กระทำต่อบรรดาคนเลี้ยงแกะ เพื่อให้เราได้เห็นพระเจ้าผู้ทรงทำให้เราทั้งหลายประหลาดใจอยู่เสมอ เพื่อให้เราได้เห็นพระองค์ ผู้ที่ไม่ได้เสด็จมาท่ามกลางความยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์ หากแต่เสด็จมาภายในความเล็กน้อยต่ำต้อยของรางหญ้า ขอให้พวกเรามอบปีศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้กับแม่พระ ขอให้เรามอบความสงสัย ความกังวล ความทุกข์ทรมาน ความปีติยินดี และปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างในใจเราไว้กับแม่พระ เพราะว่าแม่พระเป็นแม่ เป็นมารดาของพวกเรา ขอให้เรามอบโลกนี้ทั้งใบไว้กับท่าน เพื่อที่ความหวังจะได้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง และเพื่อที่สันติภาพจะได้ปรากฏจากแผ่นดินเพื่อผู้คนทั้งหลายในโลกนี้ได้ในที่สุด
ประวัติศาสตร์ได้สอนให้เราทั้งหลายรู้ว่า ที่[สภาสังคายนาแห่งเอเฟซัส เมื่อปี 431] ขณะที่บรรดาบิชอปเดินเข้าวัด บรรดาสัตบุรุษที่ชุมนุมอยู่ที่นั่นโดยมีไม้กระบองอยู่ในมือ ต่างตะโกนออกมาว่า “พระชนนีพระเจ้า”จริงอยู่ที่ว่า ไม้กระบองในมือของพวกเขาเป็นสิ่งที่บอกกับบรรดาบิชอปเป็นนัยว่า อะไรจะเกิดขึ้นหากพวกท่านไม่ประกาศให้เรื่อง “พระชนนีพระเจ้า” เป็นข้อคำสอนที่ต้องยึดถือ ในวันนี้พวกเราไม่ได้มีไม้กระบองอยู่ในมือ แต่เรามีจิตใจและมีเสียงอย่างผู้ที่เป็นบุตร และในตอนนี้ ขอให้เราทั้งหลายจงเปล่งวาจาเทิดเกียรติพระชนนีผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ให้เราพูดอย่างหนักแน่นสามครั้งว่า “พระชนนีผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”พร้อมกันเถิด “พระชนนีผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระชนนีผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า พระชนนีผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”
(วิษณุ ธัญญอนันต์ และวรินทร เติมอริยบุตร แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เก็บบทเทศน์ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและเพื่อการไตร่ตรอง)