GENERAL AUDIENCE/การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป เมื่อวันพุธที่ 15 ตุลาคม 2025


เจริญพรมายังพี่น้องชายหญิงที่รัก อรุณสวัสดิ์

            ในการเรียนคำสอนต่อเนื่องสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ผ่าน ๆ มา พวกเราได้ตามรอยชีวิตของพระเยซูเจ้าจากข้อความในพระวรสาร ตั้งแต่เรื่องราวการประสูติ จนถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนม์ชีพ การทำเช่นนี้ได้ช่วยให้เส้นทางจาริกแห่งความหวังของพวกเรามีพื้นฐานที่มั่นคง และอยู่บนหนทางที่ถูกต้องแน่นอน ส่วนในตอนนี้ที่เป็นช่วงสุดท้ายของการเดินทาง พวกเราจะพยายามนำพาพระธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้า ซึ่งมีจุดสูงสุดคือการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระองค์นั้น ให้ฉายแสงแห่งความรอดสู่ความเป็นจริงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นความเป็นจริงที่มีแง่มุมแห่งความเป็นมนุษย์และความเป็นประวัติศาสตร์ ทั้งยังมีปัญหาและความท้าทายมากมายอยู่ภายใน

            ชีวิตของพวกเราย่อมมีเหตุการณ์มากมายนับไม่ถ้วนซึ่งเต็มไปด้วยนัยแอบแฝงและเรื่องราวประสบการณ์ที่หลากหลาย บางครั้งเราอาจรู้สึกยินดี แต่ในเวลาอื่นอาจรู้สึกเศร้า บางครั้งอาจรู้สึกเติมเต็ม หรือรู้สึกเครียด รู้สึกพอใจ หรือรู้สึกหมดกำลังใจ ชีวิตของเราเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ต้องทำ เราหมกมุ่นอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลสำเร็จ เราอาจมีเป้าหมายบางอย่างที่ตั้งเอาไว้สูง ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จได้ตามนั้น เราก็อาจได้รับเกียรติยศชื่อเสียง และบางครั้งเราก็ทำได้สำเร็จตามเป้าหมายที่ว่านั้นได้จริง ๆ แต่ในอีกด้านหนึ่ง เรากลับรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ไปถึงไหนเท่าไหร่ เรายังรู้สึกว่าสถานะของตนเองไม่มั่นคง เรายังคงโหยหาความสำเร็จบางอย่าง หรือโหยหาการเป็นที่ยอมรับ ซึ่งสิ่งที่ว่านั้นอาจจะมาช้า หรืออาจไม่มาเลยก็ได้ กล่าวโดยสรุปคือ เรารู้สึกว่าตนเองอยู่ในสภาวะที่ย้อนแย้ง เราอยากมีความสุข แต่เราก็พบว่าเป็นการยากเหลือเกินที่จะมีความสุขได้อย่างยั่งยืนโดยไม่มีเงาดำอะไรมาปะปน ในด้านหนึ่งเราอาจยอมรับข้อจำกัดของตนเอง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่อาจข่มแรงกระตุ้นในใจที่มุ่งผลักดันให้เราเอาชนะข้อจำกัดของตน เราต่างรู้สึกในเบื้องลึกของหัวใจว่า มีบางสิ่งที่เรายังขาดอยู่

            อันที่จริงแล้ว พวกเราไม่ได้ถูกเนรมิตสร้างขึ้นมาเพื่อมุ่งสู่ความขาดแคลน หากแต่ถูกเนรมิตสร้างขึ้นเพื่อมุ่งสู่ความบริบูรณ์ คือ การมีความปีติยินดีในชีวิตอันอุดมสมบูรณ์ ดังที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น (เทียบ ยน 10:10)

            สิ่งที่จะตอบสนองความปรารถนาข้อนี้ที่อยู่ในเบื้องลึกของหัวใจพวกเราได้ ไม่ใช่ตำแหน่งสถานะ ไม่ใช่อำนาจ ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง หากแต่เป็นความเชื่อมั่นที่ว่า มีใครบางคนที่รับประกันได้ว่าแรงผลักดันที่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ไร้ความหมาย ทำให้เราได้รู้ว่าความคาดหวังนี้จะไม่ผิดหวังหรือล้มเหลว ความเชื่อมั่นเช่นนี้ย่อมพ้องกันกับความหวัง ซึ่งไม่ใช่การคิดในแง่ดีเกินจริง เพราะบ่อยครั้งที่การมองโลกในแง่ดีเกินไปย่อมทำให้เราผิดหวัง และทำให้ความคาดหวังต่าง ๆ ของเราถูกบดขยี้ทำลาย แต่ความหวัง[ที่พ้องกันกับความเชื่อมั่นดังที่ว่านั้น]ย่อมมาพร้อมกับคำมั่นสัญญาที่สักวันหนึ่งจะกลายเป็นจริง

            พี่น้องชายหญิงที่รัก พระเยซูเจ้าผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพทรงเป็นหลักประกันว่า[ความหวังของพวกเราจะเป็นจริงได้] พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดต้นธารที่ช่วยดับความกระหายที่ไม่รู้จบอย่างหนึ่งซึ่งพระจิตเจ้าบันดาลให้ซึมซาบเข้ามาในจิตใจของเรา จริงทีเดียวว่า การฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้าไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ธรรมดาอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ หากแต่เป็นเหตุการณ์ที่บันดาลให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนรูปไปจากภายใน

            ให้เรานึกถึงแหล่งน้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยดับกระหายและนำความสดชื่นมาสู่สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ทั้งยังทำให้ผืนดินชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ ซึ่งหากผืนดินปราศจากน้ำ ก็ย่อมไม่อาจให้ผลใดได้เลย นอกจากนี้แหล่งน้ำยังฟื้นฟูพละกำลังให้แก่ผู้เดินทางที่เหน็ดเหนื่อย ทำให้เขาได้สัมผัสความปีติยินดีแห่งความสดชื่น แหล่งน้ำเป็นของขวัญให้เปล่าทั้งสำหรับธรรมชาติ สำหรับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ และสำหรับมนุษย์ด้วย ไม่มีสิ่งใดเลยที่มีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากน้ำ

            พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ ทรงเป็นต้นน้ำทรงชีวิตที่ไม่มีวันเหือดแห้งและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป ต้นน้ำนี้ย่อมบริสุทธิ์อยู่เสมอ ผู้ใดที่กระหายน้ำย่อมสามารถดื่มน้ำจากที่นั่นได้ทุกเวลา ยิ่งเราลิ้มรสพระธรรมล้ำลึกของพระเจ้าได้มากเท่าใด เราก็จะถูกดึงดูดมากขึ้นเท่านั้น และ[ไม่ว่าเราจะลิ้มรสพระธรรมล้ำลึกมากเท่าใดก็ตาม] แต่เราทั้งหลายย่อมไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลย ในเล่มที่ 10 ของหนังสือเรื่องคำสารภาพของนักบุญเอากุสติน ท่านได้บรรยายอย่างชัดเจนถึงความปรารถนาเช่นนี้ที่ไม่มีวันเหือดหายไปจากหัวใจเรา ในบทเพลงถึงความงาม ซึ่งเป็นเพลงสรรเสริญที่เป็นที่รู้จักนั้น ท่านได้กล่าวไว้ว่า “ลมหายใจของพระองค์ส่งกลิ่นหอม และเมื่อข้าพเจ้าสูดเข้าไป ข้าพเจ้าก็มีใจโหยหาถึงพระองค์ ข้าพเจ้าได้ลิ้มรส และข้าพเจ้าก็หิวกระหาย พระองค์ได้สัมผัสข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็มีใจเร่าร้อนปรารถนาสันติสุขของพระองค์” (X, 27, 38)

            พระเยซูเจ้าและการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ได้เป็นหลักประกันว่า พวกเราย่อมมีบ่อเกิดแห่งชีวิตอยู่เสมอในทุกเมื่อ เหตุว่าพระองค์เป็นพระผู้ทรงชีวิต (เทียบ วว 1:18) ทรงมีความรักต่อชีวิต และได้ทรงเอาชนะความตายทั้งปวง ดังนั้น พระองค์จึงสามารถประทานการฟื้นฟู ทำให้ชีวิตของพวกเราในโลกนี้ได้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง และยังทรงทำให้พวกเรามั่นใจได้อีกด้วยว่า เราจะได้รับสันติสุขอย่างสมบูรณ์เป็นนิรันดร มีเพียงพระเยซูเจ้าที่สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนม์ชีพแล้วเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบสำหรับคำถามเบื้องลึกที่สุดในจิตใจของเราที่ว่า ชีวิตของพวกเรามีจุดหมายจริง ๆ หรือไม่ การที่เรามีตัวตนอยู่นั้นมีความหมายอะไรหรือไม่ และอะไรที่จะช่วยไถ่กู้ความทุกข์ทรมานที่คนบริสุทธิ์มากมายต้องประสบ

            พระเยซูเจ้าผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพไม่ได้ประทานคำตอบให้เรา “จากเบื้องบน” หากแต่พระองค์ได้เสด็จมาเป็นเพื่อนร่วมทางของเรา ขณะที่เรากำลังเดินบนเส้นทางที่บ่อยครั้งยากลำบาก เจ็บปวด และลึกลับนี้ มีเพียงพระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มขวดน้ำที่ว่างเปล่าของเรา ในยามที่เรารู้สึกกระหายจนไม่อาจทนได้อีกต่อไป

            นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเราด้วย หากปราศจากความรักของพระองค์ เส้นทางแห่งชีวิตก็ย่อมกลายเป็นการพเนจรไปอย่างไร้จุดหมาย เป็นความผิดพลาดที่น่าเศร้า และมีปลายทางที่ผิดพลาด พวกเราล้วนอ่อนแอ ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งในความเป็นมนุษย์ของพวกเรา และบาดแผลจากบาปก็ย่อมทำให้เราล้มลง ยอมแพ้ และหมดหวัง แต่ในทางตรงข้าม การได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งย่อมหมายความถึงการได้ลุกขึ้นยืนบนลำแข้งของตัวเอง [พระเยซูเจ้า]ผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพแล้วได้ทรงรับประกันว่าเราจะได้ไปถึงจุดหมาย พระองค์ทรงพาเรากลับไปยังบ้านแท้จริง ที่ซึ่งเราเป็นที่รอคอย เป็นที่รัก และจะได้รับความรอด ดังนั้น หากเราเดินทางไปด้วยกันกับพระองค์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะได้รับการหนุนกำลังเสมอ ไม่ว่าเราจะกระหายสิ่งใด ความกระหายนั้นก็ย่อมได้รับการบรรเทา และเราก็จะได้รับการฟื้นฟูให้สดชื่น ถึงแม้ว่าเราจะต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่ปิดขวางทางเดินหรือชักจูงให้เรื่องราวชีวิตของเราหลงไปในทางอื่นก็ตาม

            มิตรที่รักทั้งหลาย การฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งความหวัง ทำให้ถึงแม้ว่าเราจะเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต แต่เราก็จะได้ชิมรสแห่งความสงบสุขที่ลึกซึ้งและเปี่ยมด้วยปีติยินดี ซึ่งเป็นสันติสุขที่มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่จะประทานแก่พวกเราได้ในท้ายที่สุด และอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

            พ่อขอทักทายผู้แสวงบุญและผู้มาเยือนที่พูดภาษาอังกฤษที่ได้มาหาพ่อในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มาจากอังกฤษ เวลส์ ไอร์แลนด์ มอลตา นอร์เวย์ ยูกันดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน แคนาดา และสหรัฐอเมริกา พ่อขอส่งความปรารถนาดีในคำภาวนา เพื่อที่ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งความหวังนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งพระหรรษทานและการฟื้นฟูจิตใจทั้งสำหรับลูกและครอบครัวของลูก พ่อขอให้ลูกจงได้รับความปีติยินดีและสันติสุขของพระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย

            ท้ายสุด พ่อมีความคำนึงถึงบรรดาเยาวชน บรรดาคนป่วย และคนที่เพิ่งแต่งงาน และขอเป็นกำลังใจให้ลูกทุกคนกระทำตามแบบอย่างของนักบุญเทเรซาแห่งอาวีลา ซึ่งพวกเราระลึกถึงท่านในพิธีกรรมวันนี้ ขอให้แบบอย่างของท่านนักบุญนักเพ่งฌานผู้ยิ่งใหญ่จงเชื้อเชิญให้ลูกทั้งหลายฟื้นฟูจิตวิญญาณด้วยการอธิษฐานภาวนาในทุก ๆ วัน โดยมีสายตาจับจ้องยังพระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่หนึ่งเดียวของโลก พ่อขออวยพรลูกทุกคน

            น้องชายหญิงที่รัก ในการเรียนคำสอนต่อเนื่องสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์ ในหัวข้อ “พระเยซูคริสตเจ้า ความหวังของเราทั้งหลาย” วันนี้เราจะไตร่ตรองกันเกี่ยวกับว่า การฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้าเติมเต็มความปรารถนาของหัวใจมนุษย์ทุกคนได้อย่างไร ชีวิตของพวกเราเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่ขัดแย้งกันเอง ทำให้เราได้เห็นถึงข้อจำกัดของตน แต่เราก็ยังเห็นว่าตนเองมีความรู้สึกอยากจะเอาชนะข้อจำกัดเหล่านั้นด้วย [เมื่อเราคิดเช่นนี้ เราก็อาจจะ]แสวงหาการยอมรับจากโลก แต่ถึงแม้ว่าเราจะได้เป็นที่ยอมรับ เราก็ยังรู้สึกว่างเปล่าอยู่ดี สิ่งนี้เผยให้เห็นว่า ลำพังความสำเร็จต่าง ๆ และความแน่นอนที่ไม่แน่นอนของโลกนั้นไม่อาจทำให้เราพึงพอใจได้อย่างแท้จริง นี่เป็นเพราะว่าพวกเราล้วนถูกเนรมิตสร้างขึ้นในภาพลักษณ์ของพระเจ้า ให้เป็นสิ่งคล้ายพระองค์ และพระอานุภาพของพระจิตเจ้าก็ย่อมทำให้เราทั้งหลายมองเห็นว่า ในหัวใจเรานี้มีความโหยหาบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และความโหยหานี้ก็ไม่ได้รับการเติมเต็มได้โดยง่าย มีเพียงพระเยซูเจ้าผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพแล้วเท่านั้นที่สามารถประทานสันติสุขแท้จริงและยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่หนุนกำลังและเติมเต็มตัวตนของพวกเราได้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในโลกที่ต้องต่อสู้ทนทุกข์เพราะความเหน็ดเหนี่อยและความสิ้นหวัง แต่ก็ขอให้เราจงเป็นเครื่องหมายแห่งความหวัง สันติสุข และความปีติยินดี ใน[พระเยซูเจ้า]ผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพแล้ว