สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
General Audience/การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป
ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน
เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2024
พระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปาก่อนการสอนคำสอนต่อเนื่อง
ในวันนี้ พ่อขอวิงวอนต่อแม่พระแห่งผู้คนที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งเป็นแม่พระผู้ดูแลคนยากไร้ และเป็นแม่พระผู้อุปถัมภ์แคว้นบาเลนเซียด้วย ในขณะนี้ แคว้นบาเลนเซียและที่อื่น ๆ ในสเปนกำลังประสบความลำบากอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาเลนเซียที่กำลังมีน้ำท่วมใหญ่ พ่อขอให้แม่พระผู้อุปถัมภ์บาเลนเซียได้มาอยู่กับพวกเราในที่นี้ด้วย ตรงนี้มีรูปแม่พระขนาดเล็กที่ชาวบาเลนเซียได้มอบให้พ่อ และในวันนี้ พ่อขอให้พวกเราภาวนาเป็นพิเศษเพื่อแคว้นบาเลนเซีย รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ในสเปน ที่กำลังทนทุกข์จากเหตุน้ำท่วม
การเรียนคำสอนต่อเนื่อง : พระจิตกับพระศาสนจักรผู้เป็นเจ้าสาว – พระจิตเจ้าทรงนำทางประชากรของพระเจ้าสู่พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นความหวังของเรา (12) “พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเรา” : พระจิตเจ้ากับการอธิษฐานภาวนาของคริสตชน
เจริญพรมายังพี่น้องชายหญิงที่รัก อรุณสวัสดิ์
กิจการของพระจิตเจ้าในการบันดาลความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากจะแสดงออกผ่านทางพระวาจาของพระเจ้าและศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ แล้ว ยังแสดงออกผ่านทางการอธิษฐานภาวนาด้วย ซึ่งการอธิษฐานภาวนา คือสิ่งที่พวกเราจะมาไตร่ตรองกันในวันนี้ โดยภายในการอธิษฐานภาวนาของคริสตชน พระจิตเจ้าย่อมทรงเป็นทั้งผู้อธิษฐานภาวนา และวัตถุแห่งการอธิษฐานภาวนา กล่าวคือ คำภาวนาใด ๆ ก็ตามล้วนเป็นของประทานจากพระจิตเจ้า และพระจิตเจ้าก็ทรงเป็นของประทานที่ได้รับภายในการอธิษฐานภาวนา พวกเราอธิษฐานภาวนาเพื่อที่จะได้รับพระจิตเจ้า และ[ในอีกด้านหนึ่ง] พวกเราได้รับพระจิตเจ้าเพื่อที่จะอธิษฐานภาวนาได้อย่างแท้จริง คือในฐานะบุตรชายหญิงของพระเจ้า ไม่ใช่อย่างทาส ขอให้เราคิดสักเล็กน้อยในเรื่องนี้ คือ การอธิษฐานภาวนาอย่างบุตรชายหญิงของพระเจ้า ไม่ใช่อย่างทาส เวลาที่พวกเราอธิษฐานภาวนา เราจะต้องภาวนาอย่างเสรี [ไม่ใช่คิดว่า] “วันนี้ฉันต้องสวดเพื่อสิ่งนี้ สิ่งนี้ และสิ่งนี้ เพราะว่าฉันได้สัญญาไว้ว่าอย่างนี้ ๆ ถ้าฉันไม่สวดแบบนี้ ฉันจะต้องตกนรกแน่ ๆ” การทำแบบนี้ไม่ใช่การอธิษฐานภาวนา การอธิษฐานภาวนาจะต้องทำโดยเสรี ขอให้ลูกอธิษฐานภาวนาในเวลาที่พระจิตเจ้าทรงช่วยลูก ขอให้ลูกอธิษฐานภาวนาเมื่อลูกรู้สึกในหัวใจว่าจะต้องอธิษฐานภาวนา แต่ถ้าเราไม่รู้สึกอะไรเลย เราก็อาจจะหยุดและถามตัวเองว่า “ทำไมฉันไม่รู้สึกอยากภาวนาเลย เกิดอะไรขึ้นในชีวิตของฉัน” อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุดในทุก ๆ ครั้ง คือการอธิษฐานภาวนาที่เกิดขึ้นเอง[จากใจ] ซึ่งการทำแบบนี้เองที่เรียกได้ว่า เป็นการอธิษฐานภาวนาแบบบุตรชายหญิง ไม่ใช่แบบทาส
ก่อนอื่น พวกเราจะต้องอธิษฐานภาวนาเพื่อจะได้รับพระจิตเจ้า ในเรื่องนี้ พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ชัดเจนอย่างมากในพระวรสารว่า “แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดี ๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” (ลก. 11,13) พวกเราทุกคนล้วนรู้จักมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่เด็กเล็ก ๆ ไม่ว่าเด็กนั้นจะเป็นลูกหลานของเราเอง หรือเป็นลูกหลานของเพื่อนฝูงของเรา เด็กเล็ก ๆ ย่อมได้รับสิ่งดีจากพวกเราเสมอ แล้วพระเจ้าจะไม่โปรดประทานพระจิตเจ้าให้แก่เราได้อย่างไร พระวาจานี้ควรจะทำให้พวกเรามีกำลังใจที่จะเดินหน้า[อธิษฐานภาวนา] ในพันธสัญญาใหม่ พวกเราได้เห็นว่าพระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาระหว่างการอธิษฐานภาวนาเสมอ เช่น เวลาที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมายังพระเยซูเจ้าขณะทรงรับพิธีล้างในแม่น้ำจอร์แดน ในตอนนั้นพระเยซูเจ้าก็ “ทรงอธิษฐานภาวนา” (ลก. 3,21) และในเวลาที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมายังบรรดาศิษย์ในวันเปนเตกอสเต ในตอนนั้น พวกเขาก็กำลัง “ร่วมอธิษฐานภาวนาสม่ำเสมอเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (กจ. 1,14)
เราทั้งหลายมี “อำนาจ” เพียงอย่างเดียวเหนือพระจิตเจ้า คือ อำนาจแห่งการอธิษฐานภาวนา เมื่อใดที่เราอธิษฐานภาวนา พระจิตเจ้าก็จะเสด็จมาโดยไม่ทรงขัดขืนอิดออดเลย ให้เรานึกถึงพระคัมภีร์ตอนที่กล่าวถึงเรื่องประกาศกเท็จเทียมของบาอัล ซึ่งได้พยายามอย่างร้อนอกร้อนใจเพื่อขอให้มีไฟจากสวรรค์ลงมาเผาไหม้เครื่องบูชาของพวกตน แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะพวกเขาบูชาพระเทียมเท็จ พระเจ้าที่พวกเขาบูชานั้นไม่มีตัวตน ขณะที่พอเอลียาห์เริ่มอธิษฐานภาวนา ก็มีไฟลงมาเผาเครื่องบูชาทันที (เทียบ 1 พกษ. 18,20-38) พระศาสนจักรกระทำตามแบบอย่างนี้อย่างซื่อสัตย์ พระศาสนจักรวิงวอนต่อพระจิตเจ้าอยู่เสมอว่า “โปรดเสด็จมาเถิด” เมื่อใดก็ตามที่พระศาสนจักรอธิษฐานภาวนาต่อพระจิตเจ้า ก็ย่อมเป็นการขอให้พระองค์ “โปรดเสด็จมา” ทุกครั้ง และเหนือสิ่งอื่นใด พระศาสนจักรก็ทำเช่นนี้ในพิธีมิสซา เพื่อขอให้พระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหมือนหยาดน้ำค้าง บันดาลให้เครื่องบูชาขอบพระคุณคือปังและเหล้าองุ่นนั้นศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ยังมีแง่มุมอีกอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญอย่างยิ่งและเป็นกำลังใจให้แก่เราทั้งหลาย คือ การที่พระจิตเจ้าทรงมอบของประทานแห่งการอธิษฐานภาวนาที่แท้จริง นักบุญเปาโลได้ยืนยันเรื่องนี้เอาไว้ว่า “ในทำนองเดียวกัน พระจิตเจ้าก็เสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาอย่างไรจึงจะเหมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเราด้วยการคร่ำครวญที่ไม่อาจบรรยาย และพระเจ้าผู้ทรงสำรวจจิตใจของคนทั้งหลาย ก็ย่อมทรงทราบว่าพระจิตเจ้าทรงปรารถนาสิ่งใด เพราะว่าพระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า” (เทียบ รม. 8,26-27)
พวกเราไม่รู้วิธีการอธิษฐานภาวนา นี่คือความจริง พวกเราไม่รู้ พวกเราจึงต้องเรียนรู้ในทุก ๆ วัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้การอธิษฐานภาวนาของเราอ่อนแอนั้น มีผู้ได้อธิบายไว้ในอดีตโดยใช้คำศัพท์เพียงคำเดียวใน 3 รูป ได้แก่ รูปคำคุณศัพท์ (adjective) คำนาม (noun) และคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) จึงทำให้คำกล่าวนี้สามารถจดจำได้ง่ายแม้ว่าจะไม่รู้ภาษาละตินก็ตาม และถ้าหากพวกเราเองจดจำคำกล่าวนี้ได้ ก็น่าจะเป็นการดี เพราะคำเพียงสามคำนี้ได้กล่าวถึงเนื้อหาที่อธิบายได้ยืดยาว เขียนหนังสือได้เป็นเล่ม ๆ คำกล่าวในสมัยโบราณนี้มีเป็นภาษาละตินว่า “mali, mala, male petimus” แปลว่า “เราทั้งหลายผู้เป็นคนไม่ดี (mali) วอนขอ (petimus) สิ่งไม่ดี (mala) ด้วยวิธีการที่ไม่ดี (male)” กล่าวคือ ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าจะได้ตรัสไว้ว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ. 6,33) แต่แทนที่พวกเราจะทำแบบนี้ พวกเรากลับขอสิ่งอื่น คือ ผลประโยชน์ของเราเอง เราทำเช่นนี้บ่อยครั้งเหลือเกิน โดยหลงลืมการวอนขอพระอาณาจักรของพระเจ้าไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ขอให้เราทั้งหลายจงวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้พระองค์โปรดประทานพระอาณาจักร พร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มากับพระอาณาจักรนั้น
พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยพวกเราที่อ่อนแอ แต่พระองค์ก็ยังทรงกระทำบางอย่างที่สำคัญกว่านั้นด้วย คือ พระองค์ทรงเป็นพยานแก่เราว่า พวกเราล้วนเป็นบุตรชายหญิงของพระเจ้า และทรงทำให้เราทั้งหลายร้องกล่าวออกมาได้ว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” (รม. 8,15; กท. 4,6) เพราะหากปราศจากพละกำลังของพระจิตเจ้า เราก็จะไม่สามารถกล่าวว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” หรือกล่าวว่า “ข้าแต่พระบิดา” ได้เลย การอธิษฐานภาวนาของคริสตชนไม่ได้เป็นเหมือนการคุยโทรศัพท์ ที่มีคนหนึ่งอยู่ต้นสาย พูดกับพระเจ้าที่อยู่ปลายสาย ไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่า[การอธิษฐานภาวนาของคริสตชน]คือการที่พระเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ภายในเรา เราอธิษฐานภาวนาถึงพระเจ้าผ่านทางพระเจ้า การอธิษฐานภาวนาคือการที่เราไปอยู่ภายในพระเจ้า เพื่อให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาภายในเรา
ภายในการอธิษฐานภาวนานี้เองที่มีการเผยแสดงว่าพระจิตเจ้าทรงเป็น “พระผู้ช่วยเหลือ” (ยน. 16,7) กล่าวคือ ทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองเราและแก้ต่างแทนเรา พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวโทษเราต่อหน้าพระบิดา หากแต่พระองค์ทรงปกป้องเรา ทรงแก้ต่างให้เรา พระองค์ทรงปกป้องคุ้มครองเรา พระองค์ทรงทำให้เราทั้งหลายรู้ความจริงว่าเราเป็นคนบาป (เทียบ ยน. 16,8) แต่ที่พระองค์ทรงทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้เราทั้งหลายมีโอกาสลิ้มรสความปีติยินดีแห่งพระเมตตาของพระเจ้าพระบิดา ไม่ใช่เป็นการทำลายเราด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ทำให้เกิดผลดีอะไร เพราะถึงแม้ว่าจิตใจของเราจะกล่าวโทษตัวเราเองเพราะเรื่องบางอย่าง แต่พระจิตเจ้าย่อมทรงย้ำเตือนเราทั้งหลายว่า “พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา” (1 ยน. 3,20) พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าบาปทั้งหลายของเรา เราทั้งหลายล้วนเป็นคนบาป แต่ขอให้เราลองคิดดู ที่จริงพ่อก็ไม่รู้ แต่พ่อคิดว่าลูกบางคนอาจกำลังรู้สึกกลัวอย่างมาก อาจเป็นเพราะสิ่งที่ลูกได้กระทำ อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะถูกพระเจ้าตำหนิ กลัวสิ่งต่าง ๆ มากมาย ทำให้ลูกยังไม่ได้พบกับสันติสุข [ถ้าเป็นแบบนี้] พ่อก็ขอให้ลูกอธิษฐานภาวนา ขอให้ลูกร้องหาพระจิตเจ้า แล้วพระจิตเจ้าก็จะทรงสอนให้ลูกรู้ว่า จะวอนขอการอภัยอย่างไรดี ลูกรู้ไหมว่า พระเจ้าไม่สนใจไวยากรณ์เท่าไหร่หรอก เมื่อพวกเราวอนขอการอภัยจากพระองค์ พระองค์ก็จะไม่รอให้เราพูดจบประโยคด้วยซ้ำ พระองค์ทรงให้อภัยแก่เราก่อน ทรงให้อภัยตั้งแต่เรายังพูดว่า “โปรดอภัย” ไม่จบคำด้วยซ้ำ พระองค์ทรงให้อภัยเสมอ พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอเพื่อให้อภัยเรา ตั้งแต่เรายังขออภัยไม่จบคำ แค่เราพูดว่า “โปรดอภัย” ยังไม่จบคำ พระบิดาก็ทรงอภัยให้แก่เราแล้วทุกครั้ง
พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้อธิษฐานวอนขอเพื่อเรา นอกจากนี้ พระองค์ก็สอนให้เราอธิษฐานวอนขอเพื่อพี่น้องชายหญิงของเราด้วย พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานเพื่อเรา และทรงสอนให้เราอธิษฐานเพื่อผู้อื่น พระองค์ทรงสอนให้เราทั้งหลายรู้จักการเสนอวิงวอน คือการภาวนาเพื่อผู้อื่น การภาวนาเพื่อคนป่วย คนที่ถูกจองจำ การภาวนาเพื่อคนอื่น ๆ แม้กระทั่งการภาวนาเพื่อแม่สามีด้วย ดังนั้น พ่อขอให้ลูกภาวนาเพื่อผู้อื่นบ่อย ๆ ขอให้ลูกภาวนาเพื่อผู้อื่นทุกเวลา คำภาวนาแบบนี้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าเป็นพิเศษ เพราะว่าเป็นคำภาวนาที่ไม่หวังผลตอบแทน และปราศจากความเห็นแก่ตัวใด ๆ หากว่าแต่ละคนภาวนาเพื่อทุกคน ก็จะกลายเป็นการที่ทุกคนภาวนาเพื่อคนอื่น ๆ และคำภาวนาก็จะเพิ่มทวีคูณ [ยิ่งกว่าเมื่อต่างคนต่างภาวนาเพื่อตนเองเท่านั้น] ดังที่นักบุญอัมโบรสได้กล่าวเอาไว้ (ว่าด้วยกาอินและอาแบล, I, 39) นี่คือการอธิษฐานภาวนา การอธิษฐานภาวนาเป็นกิจการที่ทรงคุณค่าและจำเป็นอย่างยิ่งในพระศาสนจักร โดยเฉพาะในตอนนี้ที่พระศาสนจักรกำลังเตรียมฉลองปีศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เราทุกคนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระจิตเจ้า พระผู้ช่วยเหลือ ผู้ทรง “อธิษฐานเพื่อพวกเราทุกคนตามพระประสงค์ของพระเจ้า” อย่างไรก็ตาม เราจงอย่าภาวนาแบบนกแก้วนกขุนทอง อย่าเอาแต่สวดแบบพูดไปเรื่อย กล่าวคือ ในเวลาที่ลูกสวดว่า “ข้าแต่พระเจ้า” ก็ขอให้เป็นการที่ลูกพูดด้วยหัวใจ เช่น “พระเจ้าข้า โปรดช่วยลูกด้วย” “พระเจ้าข้า ลูกรักพระองค์” และในเวลาที่ลูกสวดบทข้าแต่พระบิดา ก็ขอให้การสวดนั้นเป็นการอธิษฐานภาวนาว่า “พระบิดาเจ้าข้า พระองค์เป็นบิดาของลูก” ขอให้ลูกภาวนาด้วยหัวใจ ไม่ใช่ด้วยฝีปาก อย่าทำตัวเหมือนนกแก้วนกขุนทอง
ขอให้พระจิตเจ้าโปรดช่วยเหลือการอธิษฐานภาวนาของเราทั้งหลาย เพราะการอธิษฐานภาวนาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเรามากเหลือเกิน ขอขอบใจ
พระดำรัสทักทายพิเศษของสมเด็จพระสันตะปาปา
พ่อขอทักทายบรรดาผู้แสวงบุญและผู้มาเยือนที่พูดภาษาอังกฤษซึ่งได้มาหาพ่อในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มจากอังกฤษ กานา สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ พ่อขอทักทายกลุ่มบาทหลวงจากอังกฤษและเวลส์ที่กำลังฉลองครบรอบครั้งสำคัญของการได้รับศีลบวชเป็นบาทหลวงด้วย พ่อขอให้ลูกทุกคนในที่นี้ตลอดจนครอบครัวของลูก จงได้รับความปีติยินดีและสันติสุขของพระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรลูกทุกคน
ท้ายสุด พ่อขอส่งความคิดคำนึงไปยังบรรดาเยาวชน บรรดาคนป่วย คนชรา และคนที่เพิ่งแต่งงาน พ่อขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนเจริญชีวิตในแต่ละวันด้วยความซื่อสัตย์ต่อพระวรสาร ด้วยความแข็งแกร่งที่มาจากความเชื่อ และด้วยความหวัง
นอกจากนี้ ขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนาเพื่อสันติภาพ ขอให้เราอย่าลืมยูเครนที่ถูกเบียดเบียนทำร้ายและกำลังทนทุกข์มากมายเหลือเกิน ขอให้เราอย่าลืมกาซาและอิสราเอล ที่ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้มีการโจมตีสังหารพลเรือนถึง 153 คนขณะที่พวกเขาเดินทางไปมาอยู่บนถนน นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมาก ขอให้เราอย่าลืมเมียนมาด้วย และขอให้พวกเราอย่าลืมบาเลนเซียในสเปน โดยเพื่อการนี้ วันนี้พ่อได้ขอให้พวกเราร่วมกันวิงวอนต่อแม่พระแห่งผู้คนที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งเป็นแม่พระผู้อุปถัมภ์แคว้นบาเลนเซีย บัดนี้ ขอให้พวกเราสวดบทวันทามารีย์หนึ่งจบเพื่อแคว้นบาเลนเซียด้วย วันทามารีย์ …
ขอให้พวกเราวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่เราทั้งหลายจะเจริญชีวิตด้วยความหวังได้ในทุกเมื่อ พ่อขออวยพรลูกทุกคน
สรุปพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา
พี่น้องชายหญิงที่รัก ในการเรียนคำสอนต่อเนื่องเรื่องพระจิตเจ้ากับชีวิตของพระศาสนจักร ในวันนี้เราจะพิจารณาเรื่องบทบาทของพระจิตเจ้าในการอธิษฐานภาวนา ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนให้เราทั้งหลายวอนขอของประทานจากพระจิตเจ้า ผู้สถิตอยู่ในจิตใจของเรา และทรงเป็นพยานว่า เราทั้งหลายล้วนเป็นบุตรชายหญิงของพระบิดาบนสวรรค์อย่างแท้จริง ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ การทรงนำของพระจิตเจ้าทำให้เราทั้งหลายสามารถอธิษฐานภาวนาได้อย่างที่ควรจะทำ ทั้งในการอธิษฐานภาวนาส่วนตัว และการอธิษฐานภาวนาภายในพิธีกรรมของพระศาสนจักร พระจิตเจ้าทรงเป็น “พระผู้ช่วยเหลือ” พระองค์ทรงแก้ต่างแทนเรา และทรงประทานความบรรเทาใจแก่เรา พระองค์ไม่ได้เพียงแต่อธิษฐานแทนเราเท่านั้น แต่ยังทรงช่วยให้เราทั้งหลายอธิษฐานภาวนาเพื่อพี่น้องชายหญิงที่ต้องการคำภาวนาอีกด้วย ทั้งนี้ ภายในความเป็นหนึ่งเดียวกันของ[พระศาสนจักร ซึ่งเป็น]พระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า ขณะที่เราเตรียมตัวสำหรับปีศักดิ์สิทธิ์ที่จะมาถึงนี้ ขอให้เราทั้งหลายวอนขอของประทานแห่งความเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความยุติธรรม และสันติสุข จากพระจิตเจ้า ทั้งเพื่อพวกเราเอง และเพื่อมนุษยชาติทั้งมวล
(วิษณุ ธัญญอนันต์ และวรินทร เติมอริยบุตร แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เก็บการสอนคำสอน/General audience ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและเพื่อการไตร่ตรอง)