สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
General Audience/การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป
ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน
เมื่อวันพุธที่ 18 กันยายน 2024
Catechesis. The Apostolic Journey to Indonesia, Papua New Guinea, Timor-Leste and Singapore
การเรียนคำสอน : การเสด็จเยือนอินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์เลสเต และสิงคโปร์
เจริญพรมายังพี่น้องชายหญิงที่รัก อรุณสวัสดิ์
วันนี้พ่ออยากเริ่มต้นด้วยข่าวดี พ่อขอแนะนำคนสองคนที่กำลังจะแต่งงานกันในวันเสาร์นี้ พวกเขาเป็นคนอยู่ไม่สุขจริง ๆ ขอให้พี่น้องในที่นี้ปรบมือดัง ๆ ให้แก่พวกเขา
ความรักทำให้พวกเรารวมตัวกันเป็นครอบครัวใหม่ นี่เป็นสิ่งที่สวยงามเมื่อพวกเราได้เห็น พ่อก็เลยอยากให้ลูกได้แสดงความยินดีกับพวกเขาทั้งสองคน และขอให้พวกเราขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งนี้ด้วย
ในวันนี้ พ่อจะพูดเกี่ยวกับการเดินทางไปยังเอเชียและโอเชียเนียของพ่อ การเยือนของพระสันตะปาปานั้นเรียกกันว่า “การเยือนแบบอัครสาวก” เพราะว่านี่ไม่ใช่การไปเที่ยว หากแต่เป็นการเดินทางเพื่อนำพาพระวาจาของพระเจ้า เพื่อให้ผู้คนได้รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า และเพื่อให้พ่อได้มีโอกาสรับรู้ถึงจิตวิญญาณของผู้คนต่าง ๆ ด้วย นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก
สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่เสด็จโดยเครื่องบินไปเยี่ยมเยือนโลกตะวันออก คือ สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่หก กล่าวคือ เมื่อปี ค.ศ. 1970 ท่านได้เสด็จเยือนฟิลิปปินส์และออสเตรเลียหลายวัน แต่ระหว่างทาง ท่านก็ได้ทรงแวะเยี่ยมประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย และหมู่เกาะซามัวด้วย การเดินทางครั้งนั้นเป็นที่น่าจดจำ เพราะว่าก่อนหน้านั้น สมเด็จพระสันตะปาปา[ในยุคใหม่]พระองค์แรกที่เสด็จออกจากกรุงโรม คือนักบุญยอห์นที่ยี่สิบสาม แต่ตอนนั้นท่านได้เสด็จโดยรถไฟ ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปานักบุญเปาโลที่หก[ซึ่งดำรงตำแหน่งต่อจากท่าน]ได้เสด็จโดยเครื่องบิน จึงนับว่าเป็นการเดินทางที่น่าจดจำ พ่อเองก็อยากจะเอาอย่าง[นักบุญเปาโลที่หก]ด้วยการไปเยือนให้ได้หลาย ๆ ประเทศ แต่ในตอนนี้พ่อเองมีอายุมากกว่าท่านในตอนนั้นแล้ว พ่อจึงตัดสินใจไปเยือนเพียง 4 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์เลสเต และสิงคโปร์ พ่อขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่โปรดให้พ่อยังสามารถกระทำเช่นนี้ได้ แม้ว่าในตอนนี้พ่อจะเป็นพระสันตะปาปาที่แก่ชราแล้วก็ตาม เพราะว่าการไปแพร่ธรรมในแถบนั้นเป็นสิ่งที่พ่อคิดอยากทำเมื่อตอนที่พ่อยังเป็นเยสุอิตหนุ่ม ๆ
เมื่อพ่อได้กลับมาทบทวนไตร่ตรองหลังเสร็จสิ้นการเดินทาง สิ่งแรกที่พ่อคิดคือ เวลาที่พวกเรานึกถึงพระศาสนจักร พวกเรายังคงมีความคิดให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางอยู่มากกว่าที่ควรจะเป็น อย่างที่เขาเรียกว่าเป็นของ “ตะวันตก” แต่ในความเป็นจริง พระศาสนจักรใหญ่กว่านั้นมาก ใหญ่กว่ากรุงโรม ใหญ่กว่ายุโรปมาก และพ่ออาจพูดได้อีกด้วยว่า พระศาสนจักรในประเทศต่าง ๆ ที่พ่อไปเยือนมีชีวิตชีวามากกว่า[ในโลกตะวันตก]มาก พ่อมีความตื่นเต้นเมื่อได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ระหว่างการพบปะกับประชาคม[คาทอลิก]ในประเทศเหล่านั้น เมื่อพ่อได้ฟังคำพยานของบรรดาบาทหลวง นักบวชหญิง สัตบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูคำสอนที่เป็นแรงขับดันการเผยแผ่พระวรสาร พ่อได้เห็นพระศาสนจักรที่ไม่ได้ชักจูงผู้คนให้เข้าศาสนา แต่เติบโต “ด้วยการดึงดูด” อย่างที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่สิบหกได้ตรัสไว้อย่างมีปรีชาญาณ
ที่อินโดนีเซีย ประชากรราวร้อยละ 10 เป็นคริสตชน ส่วนคนที่เป็นคาทอลิก คิดเป็นร้อยละ 3 ของประชากร จึงนับว่าเป็นคนกลุ่มน้อย แต่ในที่นั้น พ่อได้เห็นพระศาสนจักรที่มีชีวิตชีวา มีพลวัต มีศักยภาพในการเจริญชีวิตตามแนวพระวรสารและถ่ายทอดพระวรสารภายในประเทศที่มีวัฒนธรรมที่น่ายกย่อง กล่าวคือ ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่มีแนวโน้มแสวงหาความปรองดองภายในความหลากหลายด้วยในขณะเดียวกัน บริบทเช่นนี้ช่วยให้พ่อมีความเชื่อมั่นว่า ความเห็นอกเห็นใจ เป็นหนทางที่คริสตชนสามารถก้าวเดิน และจะต้องก้าวเดิน เพื่อให้เราได้เป็นพยานของพระคริสตเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด ตลอดจนเพื่อให้เราได้พบปะกับศาสนาอื่นและวัฒนธรรมอื่นที่สำคัญ
ในเรื่องความเห็นอกเห็นใจนี้ พ่ออยากให้พวกเราจำไว้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีลักษณะ 3 ประการ คือ ความใกล้ชิด ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจ พระเจ้าทรงใกล้ชิด ทรงเมตตา และทรงเห็นอกเห็นใจ หากคริสตชนไม่มีความเห็นอกเห็นใจ เขาก็ย่อมทำอะไรไม่ได้เลย “ความเชื่อ ความเป็นพี่น้อง และความเห็นอกเห็นใจ” เป็นคำขวัญในการเยือนอินโดนีเซียของพ่อ สามสิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่ทำให้พระวรสารเข้าสู่ชีวิตของผู้คนอย่างเป็นรูปธรรมในแต่ละวัน ทำให้พระวรสารโอบรับชีวิตของพวกเขา และทำให้พวกเขาได้รับพระหรรษทานของพระเยซูเจ้า ผู้ทรงสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนม์ชีพอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนสะพาน เหมือนกับอุโมงค์ข้ามถนนที่เชื่อมระหว่างอาสนวิหารแห่งจาการ์ตากับมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย การเยือนอินโดนีเซียทำให้พ่อได้เห็นอีกด้วยว่า ความเป็นพี่น้องกันจะนำมาซึ่งอนาคต ความเป็นพี่น้องกันจะช่วยให้เราทั้งหลายสามารถตอบโต้อารยธรรมแบบจอมปลอม และยังช่วยให้เราสามารถรับมือแผนการของปีศาจที่มุ่งนำมาซึ่งความเกลียดชังและสงคราม อันรวมถึงความเกลียดชังระหว่างศาสนาได้ด้วย พ่อได้เห็นความเป็นพี่น้องกันที่นั่น
การเยือนปาปัวนิวกินีทำให้พ่อได้เห็นอีกครั้งถึงความงามของพระศาสนจักรที่เป็นธรรมทูตมุ่งหน้าออกสู่ดินแดนที่อยู่ห่างไกล ประเทศปาปัวนิวกินีมีดินแดนส่วนหนึ่งเป็นหมู่เกาะที่พาดยาวไปท่ามกลางมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ ในประเทศนั้นมีกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายที่พูดภาษาต่าง ๆ ถึงกว่า 800 ภาษา ซึ่งนับว่าเป็นสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับกิจการของพระจิตเจ้า ผู้โปรดที่จะให้สารแห่งความรักได้ดังก้องสอดประสานกันในภาษาต่าง ๆ เพราะว่าพระจิตเจ้าไม่ได้ทรงกระทำกิจการเพื่อให้ผู้คนกลายเป็นแบบเดียวกันหมด หากแต่ทรงกระทำกิจการเพื่อสร้างความสอดประสาน สร้างความปรองดอง [กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า] พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นนายแห่งความสอดประสาน
ในประเทศปาปัวนิวกินี ผู้ที่มีบทบาทหลักในการประกาศข่าวดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือบรรดามิชชันนารีและครูคำสอน พ่อดีใจที่ได้มีโอกาสไปพำนักอยู่กับบรรดามิชชันนารีและครูคำสอนที่ทำงานอยู่ในทุกวันนี้ และพ่อก็มีความประทับใจเมื่อได้ฟังดนตรีและเสียงเพลงของบรรดาเยาวชน สิ่งเหล่านี้ทำให้พ่อมองเห็นอนาคตอย่างใหม่ เป็นอนาคตที่ปราศจากการใช้ความรุนแรงระหว่างชนเผ่า ปราศจากการครอบงำผู้ที่อ่อนแอกว่า และปราศจากการล่าอาณานิคมทางอุดมการณ์และเศรษฐกิจ พ่อได้เห็นอนาคตแห่งความเป็นพี่น้องกันและการดูแลสิ่งแวดล้อมธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ [พ่อคิดว่า]ปาปัวนิวกินีอาจมีบทบาทเป็น “ห้องทดลอง” สำหรับการพัฒนาอย่างองค์รวมในรูปแบบ[ใหม่]นี้ ทั้งนี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก “เชื้อแป้ง” แห่งพระวรสาร เพราะว่าหากชายหญิงแต่ละคนไม่เปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นแบบใหม่ มนุษยชาติแบบใหม่ก็จะไม่อาจเกิดขึ้นได้ และมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถบันดาลการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นอกจากนี้ พ่ออยากกล่าวถึงการเดินทางเยือนเมืองวานีโมด้วย มิชชันนารีที่นั่นทำงานอยู่ระหว่างผืนป่าและท้องทะเล พวกเขาได้เข้าไปในป่าเพื่อค้นหาชนเผ่าต่าง ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกที่สุด นี่เป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับพ่อ
ระหว่างการเยือนติมอร์เลสเต [พ่อได้เห็นว่า] สารของคริสต์ศาสนาเพื่อการส่งเสริมมนุษย์และสังคม มีพลังปรากฏชัดเจนเป็นพิเศษที่นั่น พระศาสนจักรในติมอร์เลสเตได้มีส่วนร่วมกับประชากรทั้งหมดภายในกระบวนการที่มุ่งให้ติมอร์เลสเตได้รับเอกราช และพระศาสนจักรก็มีบทบาทมาโดยตลอดในการนำพาประเทศติมอร์เลสเตมุ่งสู่สันติภาพและความปรองดอง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องการนำเอาความเชื่อไปรับใช้อุดมการณ์บางอย่าง หากแต่เป็นการที่ความเชื่อกลายเป็นวัฒนธรรม และในขณะเดียวกันก็นำพาความสว่างสู่วัฒนธรรม ชำระวัฒนธรรมให้บริสุทธิ์ และยกชูวัฒนธรรมนั้นให้สูงส่งยิ่งกว่าเดิม นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พ่ออยากให้มีการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อกับวัฒนธรรมขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งความสัมพันธ์นี้อาจก่อให้เกิดผลอันอุดม ดังที่สมเด็จพระสันตะปาปานักบุญยอห์น ปอลที่สองได้ตรัสไว้[ระหว่างการเสด็จเยือนเอเชียเมื่อปี 1989] ความเชื่อจะต้องเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ส่วนวัฒนธรรมนั้นก็จะต้องรับเอาพระวรสารเข้ามาไว้ในตน ความเชื่อและวัฒนธรรม[จะต้องเข้าหาซึ่งกันและกัน]
แต่เหนือสิ่งอื่นใด พ่อมีความประทับใจต่อผู้คนที่นั่น ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ประสบกับความทุกข์ยากมากมาย แต่เขาก็มีความปีติยินดี มีปรีชาญาณท่ามกลางความทุกข์ยาก พวกเขาไม่เพียงแต่มีลูกหลายคนเท่านั้น แต่เขารู้จักสอนให้ลูก ๆ มีรอยยิ้มด้วย พ่อจะไม่มีวันลืมรอยยิ้มของเด็ก ๆ ที่นั่นเลย ที่นั่นมีเด็กมากมาย และพวกเขายิ้มอยู่ตลอดเวลา ความเชื่อสอนให้พวกเขายิ้มได้ และนี่ก็เป็นหลักประกันสำหรับอนาคต กล่าวโดยสรุปคือ ที่ติมอร์เลสเต พ่อได้เห็นความอ่อนเยาว์ของพระศาสนจักร ทั้งในบรรดาครอบครัว เด็ก เยาวชน ตลอดจนผู้เตรียมบวชเป็นบาทหลวง และผู้ที่มุ่งจะเป็นนักบวช พ่ออยากจะกล่าวอย่างไม่เกินจริงเลยว่า พ่อได้สูด “อากาศแห่งฤดูใบไม้ผลิ” ที่นั่น
จุดหมายสุดท้ายในการเดินทางของพ่อคือสิงคโปร์ ซึ่งแตกต่างจากอีก 3 ประเทศอย่างมาก พ่อได้เห็นนครรัฐที่มีความล้ำยุคล้ำสมัย พ่อได้เห็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเงินที่มีบทบาททั้งสำหรับเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ คริสตชนเป็นคนกลุ่มน้อยที่นั่น แต่พวกเขาก็ได้ก่อร่างพระศาสนจักรที่มีชีวิตชีวา และเดินหน้าสร้างเสริมความปรองดองและความเป็นพี่น้องระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และศาสนาต่าง ๆ ถึงแม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศร่ำรวย แต่ที่นั่นก็มี “คนเล็กน้อยต่ำน้อย” ที่เดินตามพระวรสาร และกระทำตนให้เป็นเกลือและแสงสว่าง เป็นพยานแห่งความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ ที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะรับประกันได้
พ่อขอขอบใจผู้คนในที่ต่าง ๆ เหล่านี้ซึ่งได้รับฟังพ่อด้วยจิตใจที่อบอุ่นและด้วยความรัก นอกจากนี้ พ่อขอขอบใจฝ่ายบ้านเมืองที่ได้ช่วยเหลือการเดินทางเยือนของพ่ออย่างมาก เพื่อให้การเยือนนี้ดำเนินไปโดยเรียบร้อยไม่มีปัญหา พ่อขอขอบใจทุกคนทุกฝ่ายที่มีส่วนประสานงานในเรื่องนี้ และพ่อขอขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับของประทานแห่งการเดินทางครั้งนี้ พ่อขอขอบใจทุกคนอีกครั้ง ขอให้พระเจ้าโปรดประทานพระพรแก่ผู้คนทุกคนที่พ่อได้พบเจอ และขอให้พระองค์โปรดนำทางพวกเขาบนหนทางสู่สันติภาพและความเป็นพี่น้องกัน ขอขอบใจทุกคน
พระดำรัสทักทายพิเศษของสมเด็จพระสันตะปาปา
พ่อขอต้อนรับอย่างอบอุ่นต่อบรรดาผู้แสวงบุญที่พูดภาษาอังกฤษซึ่งได้มาหาพ่อในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ แคเมอรูน แอฟริกาใต้ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม แคนาดา และสหรัฐอเมริกา พ่อขอให้ลูกทุกคนในที่นี้ตลอดจนครอบครัวของลูกได้รับความปีติยินดีและสันติสุขของพระเยซูคริสตเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งหลาย ขอให้พระเจ้าโปรดประทานพรแก่ลูกทุกคน
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ มีฝนตกหนักในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก ทำให้เกิดเหตุน้ำท่วม มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศออสเตรีย โรมาเนีย สาธารณรัฐเช็ก และโปแลนด์ ซึ่งกำลังเผชิญกับผลกระทบน่าเศร้าจากเหตุน้ำท่วมนี้ พ่อขอแสดงความใกล้ชิดกับทุกคน และขออธิษฐานภาวนาเป็นพิเศษเพื่อผู้เสียชีวิต ตลอดจนครอบครัวของพวกเขา พ่อขอขอบใจและเป็นกำลังใจให้แก่ประชาคมคาทอลิกในท้องถิ่น ตลอดจนองค์กรอาสาสมัครอื่น ๆ สำหรับการที่พวกเขาดำเนินงานมอบความช่วยเหลือและการบรรเทาทุกข์
วันเสาร์ที่จะถึงนี้ คือ วันที่ 21 กันยายน เป็นวันโรคอัลไซเมอร์โลก ในโอกาสนี้ขอให้พวกเราร่วมกันภาวนา เพื่อที่วิทยาการทางการแพทย์จะสามารถค้นพบหนทางรักษาโรคนี้ได้โดยเร็ว และเพื่อที่บรรดาผู้ป่วยและครอบครัวของเขาจะได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม
ท้ายสุด พ่อขอส่งความคำนึงไปยังบรรดาเยาวชน บรรดาคนป่วย คนชรา และคนที่เพิ่งแต่งงาน ในโอกาสเริ่มต้นปีการศึกษาใหม่นี้ พ่อขอเชิญชวนลูก ๆ ที่เป็นเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักเรียนเก่าของสถาบันพระคริสตราชาในกรุงโรม[ที่มาอยู่ในที่นี้] ให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อเป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาความสามารถที่พวกลูกได้รับมอบจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อประโยชน์ของคนทุกคน
ขอให้แม่พระระทมทุกข์ ซึ่งเราทั้งหลายได้ระลึกถึงภายในพิธีกรรมเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โปรดช่วยเหลือลูก ๆ ที่กำลังป่วย ตลอดจนลูก ๆ ที่เป็นคนชรา ให้ลูกมองเห็นว่า ท่ามกลางความทุกข์ทรมานและความยากลำบาก ลูกทุกคนต่างได้รับเรียกให้ดำเนินภารกิจเพื่อความรอดของบรรดาพี่น้อง นอกจากนี้ ขอให้ท่านโปรดช่วยเหลือลูก ๆ ที่เพิ่งแต่งงาน ซึ่งวันนี้ได้มากันมากมาย ให้ลูกสามารถยอมรับความลำบากและแบกกางเขนได้ในแต่ละวัน เพื่อทำให้ความรักของพวกลูกเติบโตและได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
พี่น้องชายหญิงที่รัก ขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนาเพื่อสันติภาพ อย่าลืมว่าสงครามเป็นความพ่ายแพ้ ขอให้พวกเราอย่าลืมปาเลสไตน์ อย่าลืมอิสราเอล อย่าลืมยูเครนที่กำลังถูกเบียดเบียนทำร้าย อย่าลืมเมียนมา และอย่าลืมที่อื่น ๆ อีกมากมายที่กำลังประสบกับสงครามที่โหดร้ายรุนแรง ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานหัวใจที่ใฝ่หาสันติให้แก่มนุษย์ทุกคน เพื่อที่สงครามทั้งหลายจะได้ยุติลง เพราะว่าสงครามย่อมเป็นความพ่ายแพ้เสมอ
พ่อขออวยพรลูกทุกคน
สรุปการสอนคำสอนของพระสันตะปาปา
พี่น้องที่รัก ในการเยือนอินโดนีเซีย ปาปัวนิวกินี ติมอร์เลสเต และสิงคโปร์ ครั้งล่าสุดนี้ พ่อได้พบกับประชาคมคริสตชนขนาดใหญ่และมีชีวิตชีวาในหลายที่ การเติบโตอันอุดมของพระศาสนจักรในที่เหล่านี้เป็นผลจากความเชื่อที่มีชีวิตและเปี่ยมด้วยความปีติยินดี ซึ่งปรากฏให้เห็นภายในความเห็นอกเห็นใจและความเคารพที่[คริสตชนในประเทศเหล่านี้]มีให้แก่ผู้คนทุกคน ในฐานะที่พวกเขาล้วนเป็นบุตรชายหญิงของพระเจ้า ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอะไร หรือมีวัฒนธรรมอย่างไรก็ตาม การเป็นพยาน[ของคริสตชน]ตลอดจนประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรมแห่งความเป็นพี่น้องและความร่วมมือกับศาสนาอื่น ๆ ได้มอบความหวังที่ว่า โลกของเราในอนาคตจะมีความเป็นธรรมและมีความปรองดองกันยิ่งขึ้นภายในครอบครัวมนุษยชาติ พ่อขอขอบใจหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งฝ่ายบ้านเมืองและฝ่ายศาสนา ที่ได้ช่วยให้การเดินทางเยือนของพ่อเป็นจริงขึ้นมาได้ และพ่อจะอธิษฐานภาวนา ขอให้พระเจ้าทรงนำทางประเทศเหล่านี้บนหนทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุข
(วิษณุ ธัญญอนันต์ และวรินทร เติมอริยบุตร แห่ง ม. จุฬาฯ
เก็บการสอนคำสอน/General audience ของพระสันตะปาปาฟรานซิสมาแบ่งปันและเพื่อการไตร่ตรอง)